Thursday, December 28, 2006

K1-2006 แหวน Dec20,06 แฟนมี conviction (IMBRALaw)@U


K1-2006 แหวน Dec20,06 แฟนมี conviction (IMBRALaw)@UT waenphetch

ก่อนเล่าต้องขอขอบคุณ เว็บไซด์ เรื่องข้อมูล และพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนในเว็บ ที่เคยช่วยตอบคำถามนะค่ะ โดยเฉพาะ พี่แนท พี่อ้อ น้องเพื่อน พี่บี และคนอื่น ๆ ที่แหวนไม่ได้เอ่ย ถึง ขอบคุณเพื่อนเกษมาก ๆ ด้วย ช่วยตลอดทุกเรื่อง อ้อ พี่ปลา ที่คอยให้กำลังใจ และก็ขาเม๊า น้องตุ๊กตื่น น้องนิค คุณฝ้าย พี่น้ำที่น่ารัก เอ๊ะ พี่ฝนด้วยนี่ 

เริ่มเล่าเลยนะค่ะ แหวนมีคิวสัมภาษณ์ 7 โมงเช้าค่ะ ไปถึงก็ก่อนเวลา รอคิวนาน ก่อนเข้าสถานทูต ได้สัมภาษณ์ก็ประมาณ 10.30 เอกสารแหวนก็เรียงตามนี้นะค่ะ 1. เอกสารของเรา 1. Official documents from the U.S. government; USCIS, NVC, Consulate1.1 Interview letter (interview date December 20
พี่อ้อ ขอบคุณนะค่ะ แต่ไม่เก่งหรอก พี่ สถานการณ์มันพาไป เพราะที่จริงแล้วกฏหมายตัวนี้ไม่ใช่สาเหตุที่จะไม่ทำให้เราได้วีซ่า จุดประสงค์คือต้องการให้เราคู่หมั้นตระหนักและคิดให้รอบคอบค่ะ แหวนซื้อตั๋วแล้วนะ พี่(ใจร้อน) ถ้าไม่ได้ก็มีหลาย ๆ เรื่องที่จะต้องแก้ค่ะ ที่ยูท่าร์ตอนนี้ก็ อากาศติดลบนะค่ะ (ไม่ชอบอากาศหนาว 36_1_26 

คุณเปิ้ล เคสของคุณอย่าได้ยุ่งยากเหมือนแหวนนะค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะจ้า
คุณด้า ใช่ค่ะ คุณด้าเข้าใจถูก แหวนถึงเถียงยังไงล่ะค่ะ เพราะแหวนมีเพื่อนในเว็บ visajourney ที่เขามีกรณีเขาคล้าย ๆ กับแหวน แต่ทาง สถานทูต เขายังไม่เคยมีกรณีเคส imbra law เขาต้องเช็คที่ทาง อเมริกา อีกครั้งว่านอกจากบอกคู่หมั้นแล้วต้องทำยังไงต่อ คือว่าเขาไม่รู้ว่า จะ handing the case ยังไง สรุปเคสนั้น เขาก็ให้วีซ่าไป แค่บอกตอนสัมภาษณ์ หลังจาก 3 วันก็ได้ วีซ่า (แหวนไม่อยากรอ เพราะแหวนรอมา 7 เดือนแล้วนับตั้งแต่ยื่นเรื่องค่ะ) มันชัวร์มากที่เขาต้องให้เราแต่ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ขณะนั้นแหวนไม่คิดอะไรมาก รู้แต่ว่า แหวนต้องแสดงให้เขารู้ว่า เรายังไงก็ยอมรับตัวเขา คนรักกันต้องให้โอกาสกันเสมอใช่เปล่า ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ แล้วเคสคุณด้าถึงไหนแล้วเอ่ยพี่อ้อ ขอบคุณนะค่ะ แต่ไม่เก่งหรอก พี่ สถานการณ์มันพาไป เพราะที่จริงแล้วกฏหมายตัวนี้ไม่ใช่สาเหตุที่จะไม่ทำให้เราได้วีซ่า จุดประสงค์คือต้องการให้เราคู่หมั้นตระหนักและคิดให้รอบคอบค่ะ แหวนซื้อตั๋วแล้วนะ พี่(ใจร้อน) ถ้าไม่ได้ก็มีหลาย ๆ เรื่องที่จะต้องแก้ค่ะ ที่ยูท่าร์ตอนนี้ก็ อากาศติดลบนะค่ะ (ไม่ชอบอากาศหนาว 36_1_26 คุณเปิ้ล เคสของคุณอย่าได้ยุ่งยากเหมือนแหวนนะค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะจ้า
คุณด้า ใช่ค่ะ คุณด้าเข้าใจถูก แหวนถึงเถียงยังไงล่ะค่ะ เพราะแหวนมีเพื่อนในเว็บ visajourney ที่เขามีกรณีเขาคล้าย ๆ กับแหวน แต่ทาง สถานทูต เขายังไม่เคยมีกรณีเคส imbra law เขาต้องเช็คที่ทาง อเมริกา อีกครั้งว่านอกจากบอกคู่หมั้นแล้วต้องทำยังไงต่อ คือว่าเขาไม่รู้ว่า จะ handing the case ยังไง สรุปเคสนั้น เขาก็ให้วีซ่าไป แค่บอกตอนสัมภาษณ์ หลังจาก 3 วันก็ได้ วีซ่า (แหวนไม่อยากรอ เพราะแหวนรอมา 7 เดือนแล้วนับตั้งแต่ยื่นเรื่องค่ะ) มันชัวร์มากที่เขาต้องให้เราแต่ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ขณะนั้นแหวนไม่คิดอะไรมาก รู้แต่ว่า แหวนต้องแสดงให้เขารู้ว่า เรายังไงก็ยอมรับตัวเขา คนรักกันต้องให้โอกาสกันเสมอใช่เปล่า ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ แล้วเคสคุณด้าถึงไหนแล้วเอ่ย
คุณเปิ้ล เคสของคุณอย่าได้ยุ่งยากเหมือนแหวนนะค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะจ้า
คุณด้า ใช่ค่ะ คุณด้าเข้าใจถูก แหวนถึงเถียงยังไงล่ะค่ะ เพราะแหวนมีเพื่อนในเว็บ visajourney ที่เขามีกรณีเขาคล้าย ๆ กับแหวน แต่ทาง สถานทูต เขายังไม่เคยมีกรณีเคส imbra law เขาต้องเช็คที่ทาง อเมริกา อีกครั้งว่านอกจากบอกคู่หมั้นแล้วต้องทำยังไงต่อ คือว่าเขาไม่รู้ว่า จะ handing the case ยังไง สรุปเคสนั้น เขาก็ให้วีซ่าไป แค่บอกตอนสัมภาษณ์ หลังจาก 3 วันก็ได้ วีซ่า (แหวนไม่อยากรอ เพราะแหวนรอมา 7 เดือนแล้วนับตั้งแต่ยื่นเรื่องค่ะ) มันชัวร์มากที่เขาต้องให้เราแต่ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ขณะนั้นแหวนไม่คิดอะไรมาก รู้แต่ว่า แหวนต้องแสดงให้เขารู้ว่า เรายังไงก็ยอมรับตัวเขา คนรักกันต้องให้โอกาสกันเสมอใช่เปล่า ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ แล้วเคสคุณด้าถึงไหนแล้วเอ่ย

คุณด้า ใช่ค่ะ คุณด้าเข้าใจถูก แหวนถึงเถียงยังไงล่ะค่ะ เพราะแหวนมีเพื่อนในเว็บ visajourney ที่เขามีกรณีเขาคล้าย ๆ กับแหวน แต่ทาง สถานทูต เขายังไม่เคยมีกรณีเคส imbra law เขาต้องเช็คที่ทาง อเมริกา อีกครั้งว่านอกจากบอกคู่หมั้นแล้วต้องทำยังไงต่อ คือว่าเขาไม่รู้ว่า จะ handing the case ยังไง สรุปเคสนั้น เขาก็ให้วีซ่าไป แค่บอกตอนสัมภาษณ์ หลังจาก 3 วันก็ได้ วีซ่า (แหวนไม่อยากรอ เพราะแหวนรอมา 7 เดือนแล้วนับตั้งแต่ยื่นเรื่องค่ะ) มันชัวร์มากที่เขาต้องให้เราแต่ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ขณะนั้นแหวนไม่คิดอะไรมาก รู้แต่ว่า แหวนต้องแสดงให้เขารู้ว่า เรายังไงก็ยอมรับตัวเขา คนรักกันต้องให้โอกาสกันเสมอใช่เปล่า ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ แล้วเคสคุณด้าถึงไหนแล้วเอ่ย
vanda wrote::FL: ดีใจด้วยค่ะ แต่ที่เขาจะไม่ให้ เพราะเขาก็ห่วงผู้หญิงที่จะไปแต่งงานแต่ถ้าเรายอมรับข้อนั้นได้ เขาก็ให้วีซ่าค่ะ อันนี้ความเห็นด้านะ
ดีใจด้วยค่ะ ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับ กม ที่ว่ามากนัก แต่ก็คิดเหมือนด้านะ เพราะหากเป็นพ่อแม่หรือญาติ หากเค้าทราบเรื่องว่า เป็นยังไงก็คงมีคำถามหลาย ๆ คำถามตามมาเหมือนกับทางสถานทูต เพราะว่าเป็นห่วง ก็ถือว่าเป็น กม ที่ดี ดูแลผู้หญิงไทยในขั้นต้น อย่างน้อย ๆ ก็ให้ทั้งคู่หมั้นเราและเราตระหนักในจุดนี้ เพราะตรงนี้แค่จุดเริ่มต้น เมื่อมาดำเนินชีวิตในอเมริกา ไม่ว่าจะอะไรจะเกิดขึ้นกับเราก็ถือว่าเราได้ยอมรับตรงจุดนั้น welcome to america ค่ะwelcome to america ค่ะคุณ เอ็ม ก่อนอื่นต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลบนเว็บ เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ แหวนก็ไม่ได้ชำนาญอะไรมากมายค่ะ เรื่อง Imbra law แต่แหวนเริ่มศึกษาอย่างจริงจังประมาณ เดือนมิถุนายน เพราะแฟนมี ประวัติ ประมาณนั้น มันเป็นกฏหมายใหม่อย่างว่า เราก็ไม่ใช่นักกฏหมาย ตอนนั้นแฟนก็คุยกับ immigration attorney ด้วยค่ะ เราทั้งคู่ก็ศึกษาจาก visajourney จากข้อมูลคนอื่นที่คล้าย ๆ กันค่ะ แต่คนละสถานทูตเท่านั้นเอง วันสัมภาษณ์ แหวนปริ๊นกฏหมายไปเกือบหมดที่เกี่ยวข้อง (เผื่อสถานทูตถาม) ส่วนครอบครัวแหวนก็บอกทางบ้านหมดค่ะ เขาก็ไม่รังเกียจแฟน แหวนเลย เขาเคยดื่มมาก มาก่อนจนเกิดเรื่อง ซึ่งตอนนี้เขาก็เลิกแล้ว (ถึงได้คิดมีครอบครัว อิอิ นั้นแหละที่ทำให้แกโสดสนิท) เราก็คุยกันตลอดแต่คุยกันมากก็ทำให้แฟนเราเครียด ค่ะ ไม่รู้เราต้องเจออะไรบ้างที่อเมริกา แต่ช่วงเวลาที่เราทำเรื่องด้วยกัน เวลาแห่งการรอคอย มันทำให้เราเข้าใจและเห็นใจกันมากขึ้นค่ะ 

คุณด้า เห็นคุณด้าโพสส์เยอะ แต่แหวนไม่ค่อยรู้อะไรมากก็เลยไม่ค่อยแจมจ้า อยากแจมบ้าง แต่ยุ่ง ๆ สุด ๆ เดี๋ยวไป ที่โน่น จะหัด แจม บ่อย ๆ ขึ้น ตอนนี้ห้างที่เมืองไทย และหลาย ๆ สถานที่ มีลดกระหน่ำ ขนมาเถอะค่ะ เงิน รับรองจะไม่พลาด 36_1_25



คุณ เอ็ม ก่อนอื่นต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลบนเว็บ เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ แหวนก็ไม่ได้ชำนาญอะไรมากมายค่ะ เรื่อง Imbra law แต่แหวนเริ่มศึกษาอย่างจริงจังประมาณ เดือนมิถุนายน เพราะแฟนมี ประวัติ ประมาณนั้น มันเป็นกฏหมายใหม่อย่างว่า เราก็ไม่ใช่นักกฏหมาย ตอนนั้นแฟนก็คุยกับ immigration attorney ด้วยค่ะ เราทั้งคู่ก็ศึกษาจาก visajourney จากข้อมูลคนอื่นที่คล้าย ๆ กันค่ะ แต่คนละสถานทูตเท่านั้นเอง วันสัมภาษณ์ แหวนปริ๊นกฏหมายไปเกือบหมดที่เกี่ยวข้อง (เผื่อสถานทูตถาม) ส่วนครอบครัวแหวนก็บอกทางบ้านหมดค่ะ เขาก็ไม่รังเกียจแฟน แหวนเลย เขาเคยดื่มมาก มาก่อนจนเกิดเรื่อง ซึ่งตอนนี้เขาก็เลิกแล้ว (ถึงได้คิดมีครอบครัว อิอิ นั้นแหละที่ทำให้แกโสดสนิท) เราก็คุยกันตลอดแต่คุยกันมากก็ทำให้แฟนเราเครียด ค่ะ ไม่รู้เราต้องเจออะไรบ้างที่อเมริกา แต่ช่วงเวลาที่เราทำเรื่องด้วยกัน เวลาแห่งการรอคอย มันทำให้เราเข้าใจและเห็นใจกันมากขึ้นค่ะ คุณด้า เห็นคุณด้าโพสส์เยอะ แต่แหวนไม่ค่อยรู้อะไรมากก็เลยไม่ค่อยแจมจ้า อยากแจมบ้าง แต่ยุ่ง ๆ สุด ๆ เดี๋ยวไป ที่โน่น จะหัด แจม บ่อย ๆ ขึ้น ตอนนี้ห้างที่เมืองไทย และหลาย ๆ สถานที่ มีลดกระหน่ำ ขนมาเถอะค่ะ เงิน รับรองจะไม่พลาด 36_1_25คุณด้า เห็นคุณด้าโพสส์เยอะ แต่แหวนไม่ค่อยรู้อะไรมากก็เลยไม่ค่อยแจมจ้า อยากแจมบ้าง แต่ยุ่ง ๆ สุด ๆ เดี๋ยวไป ที่โน่น จะหัด แจม บ่อย ๆ ขึ้น ตอนนี้ห้างที่เมืองไทย และหลาย ๆ สถานที่ มีลดกระหน่ำ ขนมาเถอะค่ะ เงิน รับรองจะไม่พลาด 36_1_25


P' Fon, Thank Mak Mak kha...but I think if you were me you would do the same Kha...now in Utah..sitll JetLag..kha...Tired Mak Mak Loey... 36_1_4 , but Happy to be with my Tee Rak
mayujung Thanks Kha. 
P'Noi, haha you know who I am very well...I will call you Kha... now I am very tired from JetLag, Thanks for letting me know this website you are the person who let me know the first...Thankssssssssssss

P'Zara Yes, Kha I have told every thing to Robert Kha... we have done all processes by ourselves. no problem P'Zara you can askme whatever you want kha... I want to write in Thai, but I haven't set up my laptop yet (... 36_1_12 in my opinion, the consular officer just wanted to make sure that I have know my fiancee past convictions kha....just be yourself at the interview, be confident and don't be nervious kha... I had a nice trip Kha... but still JetLag 36_1_26 
K.Wan (sorry if your name in english is wrong)... hope your interview goes well na kha... see you in USA soon

TukTun, be prepared for your situation, both documents and yourself ha ha ha 36_1_13 any question don't hesitate to ask P'Waen Dai Na Nong.... K.Pae, I think if you were me you would fight for your love....just be yourself and try to prove that you and your fiancee love each and know each other well....I think if USCs have filled K1 for foreign fiance within the past 2 years or ever filled 2 petitions or more they will effect IMBRA Law (I cannot remember where I save that law I will PM you later when I install my Laptop here) anyway you have to be prepared both yourself and documents like TukTun... Good luck Kha...
K.Da...Thanks for helping me to reply 36_1_13 

P'Pla, Thanks for your support.... we should be proud to Be Thai ladies, Girls, Women ha ha ha 36_1_13 Best wishes for both P'Chang Noi and you Kha.... 

Nong Nikki.... I am now in Utha Ja............ little bit JetLag 36_1_26 Cold 36_1_26 .....well you will be fine for your case Jaaaaaaaaa......see you soon in US.....I have lots to talk ha ha ...but ...wait until I set up my laptop...
Thanks for all ... Merry X' Mas and Happy New Year Kha.....


คุณริน ขอบคุณนะค่ะ เดี๋ยวคุณรินก็คงจะได้ รู้วันสัมภาษณ์ ไว ๆ นี้นะแหละนะ

ขอให้โชคดีแล้วกันนะค่ะ คุณอ้อย สำหรับกรีนการ์ด

Friday, October 13, 2006

K1-2006 สัมภาษณ์วุ้น a_wallapa วุ้นเคยโดนส่งตัวกลับเพราะว่าทางคนตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า วีซ่าของวุ้นผิดประเภท

K1-2006 สัมภาษณ์วุ้น a_wallapa วุ้นเคยโดนส่งตัวกลับเพราะว่าทางคนตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า วีซ่าของวุ้นผิดประเภท 

สวัสดีค่ะ วุ้นได้วีซ่าแล้วค่ะ จะเดินทางวันที่ 16 นี้ วุ้นอยากเล่ากรณีของวุ้นในวันสัมภาษณ์ค่ะว่าลุ้นมาก กลัวว่าจะไม่ได้เพราะว่าวีซ่าของวุ้นเคยโดน revoked มาก่อน วุ้นเคยโดนส่งตัวกลับเพราะว่าทางคนตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า วีซ่าของวุ้นผิดประเภท ต้องเป็นวีซ่าคู่หมั้น เขากลัวว่าวุ้นจะเข้าไปแต่งงาน เพราะว่าแฟนวุ้นเขามารับที่เมืองไทยแล้วกลับไปด้วยกัน แต่ขาออกวุ้นออกไม่ได้ถึงจะบอกว่าวุ้นมาเยี่ยมครอบครัวแฟนเขาก็ไม่ยอมก็เลยโดนส่งตัวกลับ แล้วอีกเรื่องคือ วุ้นเข้าออกประเทศอเมริกาหลายครั้ง ครั้งหนึ่งนาน 5-6 เดือน ก็เลยกลัวว่าจะไม่ได้วีซ่า เพราะวุ้นได้สัมภาษณ์ 7.00 แต่กว่าจะได้สัมภาษณ์ ก็ 10.00 โมงกว่า คนที่มาทีหลังก็ได้สัมภาษณ์ก่อน ทำให้ใจแป๋วไปเหมือนกัน แต่สรุปแล้ววุ้นได้วีซ่า โดยโดนซักไปหลายข้อมาก ๆ ประมาณ 10 กว่าข้อได้ค่ะ เริ่มจาก

1. คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม 
2. คุณเจอแฟนคุณที่ไหน
3. เจอกันตอนไหน
4. เจอกันได้อย่างไร
5. แฟนคุณเคยมาเจอคุณไหม
6. กี่ครั้ง
7. ครั้งหนึ่งนานเท่าไร
8. คุณเคยโดน refuse วีซ่า แล้วทำไมตอบว่าไม่เคย (อันนี้วุ้นตอบว่า คิดว่า refuse กับ revoke แตกต่างกัน แล้วก็แก้ไข ต่อด้วยขอโทษค่ะ แล้วเขาก็ตอบว่าไม่เป็นไร)
9. คุณเคยไปอเมริกา ไปทำไม
10. แฟนคุณเคยแต่งงานไหม
11. แฟนคุณมีลูกไหม
12. คุณเคยแต่งงานไหม
13. แฟนคุณหย่ากับภรรยาก่อนที่จะมาเจอคุณหรือเปล่า (หย่าก่อนเจอค่ะ ปีกว่า ๆ) 
14. พี่สาวคุณอยู่รัฐอะไร
15. ที่ไปอเมริกาก็ไปเยี่ยมพี่สาวคุณใช่ไหม (ค่ะไปเยี่ยม, ไปเที่ยว แล้วก็ไปดูคุณแม่ด้วยค่ะ)

พรุ่งนี้คุณมารับวีซ่า 15.00 น่ะคะ นั่งรอเรียกชื่อน่ะค่ะ โชคดีค่ะ (โชคดีเช่นกันค่ะ)

โดนซะน่วมเลยค่ะ แต่สุดท้ายก็ได้วีซ่ามาแล้ว วุ้นขอขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนน่ะค่ะ ที่ช่วยเหลือเข้ามาตอบคำถามของวุ้น ดีใจมาก ๆ ค่ะ แล้วจะกลับมาเยี่ยมเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนในบ้านหลังนี้อีกครั้งตอนที่วุ้นไปถึงที่นั่นน่ะค่ะ :K:


Fri Oct 13, 2006 11:48 pm

Sunday, June 25, 2006

Immigrant-2006 Son & Daughter Green card ของผม


Immigrant-2006 Son & Daughter Green card ของผม Sun Jun 25, 2006 1:54 pm

มาแล้วคร้าบบบบ ขอโทษที่อาจจะมา post ช้าไปหลายวัน คือพอดีพึ่งเปลี่ยน Notebook ใหม่ keyboard มันก็เลยไม่มีภาษาไทย (พิมพ์ลำบาก) เมื่อวานนี้ไปซื้อ Sticker มาแปะ ตอนนี้ก็พิมพ์ได้พริ้วเหมือนเดิมแล้วครับ อะ มาเข้าเรื่อง

คุณแม่ผมเข้า USA ด้วย Green card เมื่อประมาณ 9 ปีก่อน จากนั้นเค้าก็ทำงานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนต่อมาเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน เค้าก็ไปสอบเป็น Citizen พอได้เป็น Citizen แล้วซักพักนึง เพื่อนๆคุณแม่เค้าก็แนะนำว่า "เออนี่ เป็น Citizen ทำไมไม่ทำเรื่องเอาลูกมาอยู่ที่นี่ด้วยกันล่ะ?" คุณแม่ก็เอาเลยครับ ไปจ้างทนายให้ทำเรื่องให้ (ซึ่งจริงๆเค้าว่ากันว่าไม่ต้องใช้ทนายก็ค่าเท่ากัน แต่คุณแม่ผมประเภทแบบเสียเงินไม่ว่า ชั้นจะเอาลูกชั้นมาให้ได้ กลัวไม่ชัวร์ อะไรประมาณเนี้ยครับ) ตอนนั้นที่ทำเรื่องไป Passport ของผมยังเป็นเล่มเก่าอยู่ (ใช้มาตั้งแต่เด็ก) ซึ่งตอนนั้นชื่อภาษาอังกฤษสะกด PHAHON ต่อมา Passport หมดอายุ 1-2 ปีผมก็ไปทำเล่มใหม่ ทีนี้ด้วยความเปรี้ยว PHAHON มันดูไม่ work เลยใช้ PAHOL (ซึ่งตอนนี้คิดๆดูน่าจะใช้ PAHON มากกว่า) Passport เล่มใหม่ของผมเลยเป็นชื่อ PAHOL

เวลาผ่านไปตั้งแต่เริ่มทำเรื่อง(ประมาณ 3-4 ปี) ก็มีจดหมายมาที่บ้าน ข้างในเป็น Form DS230-I ทนายส่งมาให้กรอกเสร็จแล้วให้ส่งกลับไปที่ USA ผมก็กรอกๆๆๆ ไป เสร็จแล้วก็ส่งคืน ต่อมาอีกประมาณ 5-6 เดือน จดหมายมาอีกแล้วครับ ทีนี้มาจากสถานฑูตอเมริกัน มีเอกสารมาปึกนึง เนื้อความประมาณว่า ให้ไปสัมภาษณ์ Green card ที่สถานฑูตวันที่ XX เดือน XX โดยเตรียมเอกสารดังนี้ไปด้วยในวันสัมภาษณ์

1. จดหมายฉบับนี้
2. Form DS230-II ที่กรอกเรียบร้อย
3. ใบเกิด
4. ใบรับรองจากตำรวจ
5. ใบตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล (กำหนดชื่อหมอกับโรงพยาบาลอีกต่างหาก)
6. Passport
7. รูปถ่ายสีขนาด 2x2 จำนวน 2 ใบ

** ตอนกรอกใน Form DS203-II ช่อง First name ใส่ไปว่า PAHOL ส่วนช่อง Other names used ใส่ว่า PHAHON ครับ เค้าจะได้รู้ว่าคนเดียวกัน

ใบรับรองจากตำรวจ
ไปที่กรมตำรวจ (ปัจจุบันคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) อยู่แถวสยามอะครับ หาไม่ยาก เอาพวกสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน passport ไปด้วย (ผู้ชายก็เอา สด.9 ไปด้วย) เข้าไปเลยครับอาคารเท่าไหร่จำไมได้ แต่ในจดหมายจะมีบอก ไปที่ชั้น 1 จะมีเจ้าหน้าที่คอยท่าอยู่แล้วครับ (ถ้าไปผิดตึก เค้าจะให้ขึ้นไปชั้น 10 กว่าๆ ซึ่งอันนั้นไม่ใช่ที่เราต้องการขอครับ) เจ้าหน้าที่จะให้ใบมากรอก กรอกเสร็จก็จะโดนจับพิมพ์ลายนิ้วมือ เสร็จแล้วก็ไปอีกห้องเพื่อ*ถ่ายรูป* ทีนี้ก็ไปรับใบนัด ว่าจะไปรับเอกสารได้เมื่อไหร่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ

* ขอบ่นตอนถ่ายรูปนิดนึง ตอนผมไปถ่ายรูปมีผู้หญิง 2 คน เป็นนักศึกษา (ผมก็นักศึกษา)
เจ้าหน้าที่ : เอ้านั่ง
เจ้าหน้าที่กดคอมเพื่อถ่ายรูป
เจ้าหน้าที่ : เอ้าเสร็จแล้วไปได้
ผม : ขอบคุณครับ

ทีนี้ตาผู้หญิง
เจ้าหน้าที่ : นั่งเลยจ้ะหนู
เจ้าหน้าที่ : จะเอาแบบธรรมดาหรือหน้ายิ้ม? ยิ้มดีกว่าเนอะรูปจะได้สวยๆ
เจ้าหน้าที่กดคอมถ่ายรูป
เจ้าหน้าที่ : เอ้ามาดูซิ ใช้ได้มั๊ย ไม่ชอบเดี๋ยวให้ถ่ายใหม่

ดูมัน.......... ทีเรานะ 1-2-3 ไปได้ เซ็งมาก

ใบตรวจร่างกาย
ในจดหมายระบุว่าให้ไปโรงพยาบาล XXXX ก็ไปตามนั้นเลยครับ ถ้าสามารถหาใบประวัติการฉีดวัคซีนได้ให้เอาไปด้วยนะครับ สำคัญ ไม่งั้นจะเจอจับฉีดยาอีก 2 เข็ม ไปถึงโรงพยาบาลบอกเค้าเลยครับว่ามาตรวจร่างกายเพื่อขอวีซ่า USA เค้ารู้กันอยู่แล้วครับ ทำตามเจ้าหน้าที่บอกง่ายๆ (แต่เจ็บตัว) สิ่งที่ต้องทำ
1. โดนเจาะเลือดไปตรวจ
2. X-ray
3. วัดสายตา
4. ฉีดวัคซีน (ถ้าไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนไป)
ค่าใช้จ่ายประมาณ 2xxx บาท ครับ

การแปลเอกสาร
แปลที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าเอาชัวร์ก็ไปแถวๆรถไฟฟ้าเพลินจิตอะครับ ร้านไหนก็ได้ลองดูๆ ราคาค่าแปลอย่าให้เกิน 300 บาท (บางร้าน 250) สอบถามราคาดูก่อนก็ได้ครับ

** บางร้านจะบอกว่าต้องเอาเอกสารไปปั๊มที่กระทรวงต่างประเทศ ขอย้ำว่า "ไม่ต้อง" เสียเงินเปล่าๆครับ แค่ให้ร้านแปลแล้วประทับตราร้าน.... จบ

วันสัมภาษณ์
ไปสถานฑูตตามเวลาที่กำหนด (ก่อนเวลาไม่ว่า แต่อย่า late) ไปถึงเดินดุ่ยๆเข้าไปเลยครับไม่ต้องสนใจใคร เข้าไปหน้าต่าง 5 ถ้ามีเจ้าหน้าที่อยู่ก็ยื่นเอกสารเลย แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ก็คอยที่หน้าต่างเดี๋ยวเค้าก็มาครับ เค้าจะเอาไปเท่าที่เค้าต้องการ อันไหนไม่ใช้จะคืนมาให้ เสร็จแล้วก็นั่งรอเรียกชื่อครับ (ระยะเวลาในการรอ 1-3 ชั่วโมง) เอาหนังสือไปอ่านเล่นก็ดีครับ จะได้ไม่เบื่อ แนะนำให้กินข้าวเช้าก่อนเข้าไปด้วย ไม่งั้นจะหิวมากกกกกกกกกกกกกก

พอเค้าเรียกชื่อเราก็ไปเลยครับ
ตอนผมสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ (ฝรั่ง) พยายามจะถามว่าแม่ผมไปอยู่ที่นู่นนานเท่าไหร่แล้ว แต่เจ๊เธอไม่สามารถสื่อสารให้รู้เรื่องได้ ผมเลยบอกเค้าไปว่า สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษก็ได้ครับ อาจจะง่ายกว่า ที่เค้าถามก็มี
เจ้าหน้าที่ : คุณแม่เป็น US citizen หรือคะ?
ผม : ใช่ครับ
เจ้าหน้าที่ : คุณแม่อยู่ที่นู่นนานเท่าไหร่คะ?
ผม : ประมาณ 9-10 ปี ครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วทำไมตั้งนานเค้าพึ่งจะทำเรื่องให้คุณตอนนี้ล่ะคะ
อ้าวเวร นานบ้าไรเจ๊ กว่าคุณแม่จะได้สอบ citizen กว่าจะเดินเรื่องเสร็จ กว่าจะได้สัมภาษณ์ ไม่ได้เร็วเหมือนต้มมาม่านะครับ
ผม : คือ.... แม่เค้าไม่ค่อยรู้กฏหมายครับ พอรู้ว่าสามารถขอ Green card ให้ได้ เค้าก็ทำเลย
เจ้าหน้าที่ : หรือคะ? แล้วแม่คุณแต่งงานใหม่รึเปล่าคะ?
ผม : แต่งครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วมีใบทะเบียนสมรสมั๊ยคะ?
ผม : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วใบหย่าระหว่างพ่อกับแม่ของคุณล่ะคะ?
ผม : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : OK.... ถ้างั้นคุณไปเอาเอกสาร 2 อย่างนี้มานะคะ
เจ้าหน้าที่เขียนอะไรขยุกขยิกแล้วก็ยื่นเอกสารมาให้ชุดนึง
เจ้าหน้าที่ : นำเอกสาร 2 อันนั้นมา พร้อมกับ passport แล้วก็เอกสารนี้นะคะ จะนำมาวันไหนก็ได้ค่ะ จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 13.00-15.00น.
ผม : แล้วต้องแปลมาด้วยมั๊ยครับ?
เจ้าหน้าที่ : แปลมาก็ดีค่ะ จะได้ง่ายสำหรับเรา
จ้าๆ แปลก็แปล

สรุปแล้วไปสัมภาษณ์วันแรกก็ต้องกลับบ้านก่อน กลับถึงบ้านผมก็โทรหาคุณแม่ที่ USA บอกว่าเค้าอยากดูใบหย่า กับ ทะเบียนสมรส วันรุ่งขึ้น คุณแม่ก็ไปส่งจดหมายครับ ใช้เวลา 4-5 วัน มาถึงเมืองไทย (แม่ไม่ใช้ fedX เพราะรู้จักแต่ post office -.-' )

ไปสถานฑูต รอบ 2
ไปหน้าสถานฑูต เอาเอกสารให้เค้าดูครับ เค้าจะให้บัตรคิวมา รับไปแล้วเข้าไปนั่งรอที่ห้องโถงข้างใน (รอนานเช่นเคย อย่าลืมเอาอะไรไปด้วยแก้เบื่อ) เค้าก็จะเรียกตามบัตรคิว เอาเอกสารไปยื่นแล้วก็นั่งรออีกตามเคย รอไปเรื่อยๆครับ ทำได้อย่างเดียว ทีนี้เค้าจะเรียกชื่อแล้วก็ให้ใบรับวีซ่ามา ในนั้นจะเขียน (ด้วยลายมือชุ่ยๆ) ว่าให้มารับวีซ่าวันที่ XX เวลา บ่าย 3 (รอบนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์แล้ว ดีจัง)

ไปสถานฑูตรอบ 3
ไปไม่ต้องเร็วครับ กะเวลาให้ไปถึงประมาณ บ่าย 3 พอดี หรือบ่าย 2 50 ก็ตามสะดวก แต่ขอเตือนว่ายิ่งไปเร็วยิ่งรอนานครับ (ไปแถวๆบ่าย 3 ดีที่สุด) นั่งรอแป๊บนึง จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกครับ บอกว่าคนไทยที่มารับวีซ่าถาวรให้ไปที่ห้องโถงเล็ก (ห้องที่เป็นที่ทำการของ US citizen) อยู่ทางซ้าย เข้าไปนั่งรอเลยครับ เจ้าหน้าที่จะมาพร้อมกับวีซ่าของพวกเรา *ระวัง* เจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะเฮี้ยบ นั่งฟังเฉยๆดีที่สุดครับ สาระคร่าวๆ

1. วีซ่าถาวรที่เราได้มามีอายุกำหนดไว้บนวีซ่า เราต้องเข้า USA ให้ได้ ก่อนวันที่วีซ่าจะหมดอายุ ไม่งั้นซวยครับ
2. วีซ่าถาวรของพวกเราพอเข้าไปใน USA ได้ปุ๊บ จะแปรสภาพเป็น Green card ชั่วคราวทันที มีอายุ 1 ปี หลังจากนั้น ภายใน 6 เดือน Green card ของจริงจะส่งมาให้เราที่บ้าน

เท่านี้หละครับ กลับบ้านได้ แล้วก็ซื้อตั๋วเครื่องบินได้เลย

*** เรื่องชื่อที่ไม่ตรงกันระหว่าง passport 2 เล่ม ให้เอาไปทั้ง 2 เล่มเลยครับ ไม่มีปัญหา เพราะว่าเค้าจะเอาตาม passport เล่มใหม่ เค้าไม่ถามด้วยว่าทำไมชื่อไม่เหมือนกัน ฉะนั้นหมดห่วง
ที่มา:- Pompoko

Sunday, April 2, 2006

K1-2006 วรรณ Apr02,06 ถูก Denied Reopened @Oregon 001

K1-2006 วรรณ Apr02,06 ถูก Denied Reopened @Oregon 001


สวัสดีค่ะ....ชื่อวรรณน่ะค่ะ...เป็นสมาชิกใหม่.....มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักค่ะ....ตอนนี้ทำวีซ่าคู่หมั้น K1 ยื่นเรื่องไปเมื่อ 3 เม.ย.49 แต่ปรากฏว่าแฟนดันไปฟอร์เวิร์ด จม. ให้ไปส่งที่สำนักงานบัญชี...จม. ที่ส่งมาจากศูนย์เลยถูกตีกลับตลอด...จน 3 เดือนกว่าผ่านไปโทรตามที่ศูนย์ว่าเกิดอะไรขึ้น.....ซึ่งเราได้ทำเรื่องเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปเรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์ตอบกลับมาว่าได้แก้ไขที่อยู่ให้เราเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2549.....แต่ตอนนี้พอโทรไปตามเคส...ตาม LIN ที่ได้มา....เจ้าหน้าที่ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยค่ะ....แต่พอดีมีน้องอนิลเขาหารายละเอียดให้ และบอกว่าลองมาดูที่เวบนี้ ...ก็เลยเข้ามา.....ก็เลยเกิดอาการเข้าใจมากขึ้น.....แล้วอย่างนี้ วรรณ น่าจะได้รับเอกสารที่ต้องกรอกรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อไหร่ไม่รู้................ตอนนี้กลุ้มใจมากๆ ....
สวัสดีค่ะคุณ defrisco ok ยินดีต้อนรับและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • ตอนนี้ทำวีซ่าคู่หมั้น K1 ยื่นเรื่องไปเมื่อ 3 เม.ย.49 แต่ปรากฏว่าแฟนดันไปฟอร์เวิร์ด จม. ให้ไปส่งที่สำนักงานบัญชี...จม. ที่ส่งมาจากศูนย์เลยถูกตีกลับตลอด...จน 3 เดือนกว่าผ่านไปโทรตามที่ศูนย์ว่าเกิดอะไรขึ้น.....ซึ่งเราได้ทำเรื่องเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปเรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์ตอบกลับมาว่าได้แก้ไขที่อยู่ให้เราเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2549.....
  • ไม่เข้าใจตรงนี้น่ะค่ะ คุณหมายถึงอะไรหรือคะ คุณหมายถึงแฟนคุณใส่ข้อมูลที่อยู่คุณในฟอร์ม I-129F (บางส่วน) กับ G325A เป็นที่อยู่ที่คุณว่ามาใช่ไหมคะ หากว่าใช่ (อันนี้หมายถึงหากว่าแฟนคุณยังไม่ได้แจ้งย้ายคุณ) ก็รอรับที่อยู่ส่งไปได้นะคะ ดีใจด้วยนะคะ ที่ทาง USCIS เปลี่ยนที่อยู่ให้แล้วน่ะค่ะ (คำถามหรือว่าข้อมูลตรงนี้ของคุณไม่ค่อยเคลียร์นะคะ หากว่าแนทตอบผิดไปก็ต้องขอภัยด้วยนะคะ)

  • แต่ตอนนี้พอโทรไปตามเคส...ตาม LIN ที่ได้มา....เจ้าหน้าที่ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลยค่ะ....แต่พอดีมีน้องอนิลเขาหารายละเอียดให้ และบอกว่าลองมาดูที่เวบนี้ ...ก็เลยเข้ามา.....ก็เลยเกิดอาการเข้าใจมากขึ้น.....
  • แนทเดาว่าที่คุณบอกว่าเป็น LIN น่ะ เป็น NOA 1 นะคะ (ลองดูนะคะ หากว่าใช่คือ Form I-797C ค่ะ) เพราะฉนั้นขาก็จะให้ข้อมูลคุณไม่ได้มากหรอกนะคะ (แนทยืนยันจากที่เคยโทรถามค่ะ) เขาก็จะอ่านข้อมูลคุณบนจอมอนิเตอร์น่ะค่ะ เขาไม่ได้มีเอกสารคุณในมือ เพราะว่าเขาเป็นโอเปอเรตอร์น่ะค่ะ 

  • แล้วอย่างนี้ วรรณ น่าจะได้รับเอกสารที่ต้องกรอกรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อไหร่ไม่รู้................ตอนนี้กลุ้มใจมากๆ ....
  • หากว่าคุณทำวีซ่าคู่หมั้นน่ะ
    ขั้นตอนต่อไปยังเป็นหน้าที่ของแฟนคุณอยู่เลยค่ะ 
  • คือรอเรื่องอนุมัติน่ะค่ะ
  • เมื่อเรื่องอนุมัตแล้ว เขาก็จะส่งจดหมายให้แฟนคุณอีก 1 ฉบับ
  • แล้วก็ส่งเรื่องไปไทย
  • แล้วทางกงสุลอเมริกันที่ไทยเขาก็จะส่งเรื่องให้คุณค่ะ
  • ขั้นตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของคุณค่ะ ระหว่างที่รอ คุณก็เข้าไปโหลดข้อมูลเรียนรู้เอกสารที่ทางสถานฑูตเขาจะส่งไปให้ได้พรางไว้ก่อนก็ได้นะคะ ที่นี่ค่ะ http://bangkok.usembassy.gov/services/v ... 20Thai.htm
โชคดีค่ะ
ขอบคุณน่ะค่ะคุณแนท....คือว่าเรื่องของวรรณ...เป็นแบบนี้ค่ะ....ตอนแรกที่กรอกแบบฟอร์ม ไอ 129 เอฟ กรอกรายละเอียกที่อยู่ทั้งสองคนตามที่อยู่จริงเลยค่ะ..แต่ว่าแฟนวรรณเขากลับเมืองไทยบ่อย...( เขาเป็นคนไทยสัญชาติเมกันค่ะ ) ซึ่งก่อนหนเที่เราจะยื่นเรื่องแฟนวรรณ เขาฟอร์เวิร์ด จม. ทุกย่างไปที่สำนักงานบัญชีอยู่แล้ว...แต่พอเรามาทำเรื่อง วีซ่าคู่หมั้นเราไม่รู้ว่า...จม. ของรัฐบาล..จะไม่ฟอร์เวิร์ดไปที่อื่น นอกจากตีกลับ......ก็เลยไม่ได้ทำเรื่องแก้ไขการฟอร์เวิร์ด จม. กับไปรษณีย์ค้ะ....เมื่อเรายื่นเคสไป เราก็ได้แต่รอ...รอไปรอมาไม่มีอะไรมาสักที ปาเข้าไป 3 เดือน....แฟนเลยโทรไปตามเรื่องจึงได้รู้ว่า จม.เราถูกตีกลับ...เนื่องจากเราไปฟอร์เวิร์ดที่อยู่...ที่นี้แฟนก็เลยทำเรื่องแก้ไขที่อยู่เข้าไปใหม่ทางศูนย์ก็ตอบกลับมาเป็น จม. ค่ะว่าได้แก้ไขที่อยู่เราเรียบร้อยแล้ว.....ตั้งแต่ 26 ก.ค.49.....จม.ถึงเรา 9 ส.ค.49....แต่ในเนื้อความของ จม. บอกว่าได้แก้ไขที่อยู่เรียนบร้อยแล้ว....และบอกว่า RFE. will be remailed to new your addrees....ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจ้า RFE. มันคืออะไร....เห็นน้องอนิลบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับกฏหมายใหม่ที่ออกมาเพิ่มเติม อะไรประมาณนั้นค่ะ.......วรรณก็ยิ่งสงสัยว่า แล้วแบบนี้เรื่องเราจะอีกนานแค่ใหน...เพราะตอนนี้เราก้ยังไม่ได้รับไอ้เจ้า RFE. เลยค่ะ.......คุณแนท.....พอจะเข้าใจ วรรณ หรือเปล่าค่ะ....ขอโทษน่ะค่ะที่เขียนไม่ค่อยเคลียร์...ทำให้คนอ่านไม่เข้าใจค่ะ.....คุณแนท วรรณยังไม่ได้เจ้า I797C เลยค่ะ...ตั้งแต่ส่งเคสไปได้รับแค่ จม. เปลียนแปลงที่อยู่...บอก LIN และก็บอกว่าจะส่งไอ้เจ้า RFE. ให้เราค่ะ.....ยังงัยรบกวนคุณแนท...ลองอ่านอีกครั้งน่ะค่ะ.....ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณน่ะค่ะคุณฝน....คุณแหวน....คุณแนท....วรรณ..ได้รับแต่ จม.จากศูนย์ และใน จม.ก็บอก LIN มาด้วยค่ะ....แต่ไม่ใช่ I797C.หรือว่า จม.ตัวนั้นเป็น I797C 
ข้อความใน จ.ม.
Dear ชื่อแฟนค่ะ
On 07/26/2006 you,or the designated representative shown,contacted us abous case. Some of the key information given to us at that time was the following
Caller indicated they are The petitioner
attorney Name Information not avilable
Case type I129F
Filling date 04/03/2006
Reciept LINxxxxxxxxxx
Beneficiary ชื่อ วรรณ ค่ะ
Your USCIS Account Number ( A-number )Information not avilable Non - delivery
Type of service reQuested Non - delivery
Change of Address

The status of service request is:
Recently,you called us to update you address.we have updated in your system an on your application or petition .Thank you for notifying us of your change of address.If you change your address again in the future,please contact customer service at the number provided below.RFE will be remailed to new address.
If you have any future question plese call the National Center at 1-800-375-5283
One final note: When you called you or your representative asked that we update your address n your pending case for the pupose of processing. We have update your address now appears on your application or pettition as the address shown above
......................... ประมาณนี้ค่ะ
ลงท้าย.........U.S Citizenshep and Immigration Service
ช่วยวรรณ...ตัดสินใจหน่อยได้มั๊ยค่ะว่า...มันคืออะไร.......ขอบคุณค่ะ

K1-2006 วรรณ Apr02,06 ถูก Denied Reopened @Oregon 

มีเคสใครที่ถูก Denied เหมือนเราบ้าง...และควรทำงัยดี ???
สวัสดีค่ะ....ชื่อ วรรณ ค่ะ....เรื่องมีอยู่ว่า....
- เรายื่นเรื่อง K1 ไปเมื่อ 27 มี.ค.49 ที่ศูนย์เนบลาสก้า...
- ทางศูนย์ได้รับเรื่อง 3 เม.ย.49...เราก็รอเรื่องรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ...ก็ยังไม่มีเกสารหรือ จม . ใดๆ จากทางศูนย์ส่งมาให้เราเลย
- จนเวลาผ่านไป 3 เดือน ประมาณ 17 ก.ค. 49 แฟนเราโทร.ไปเช็ค....เราถึงได้รู้ว่า....จม.ที่ทางศูนย์ส่งมาหาแฟนเราถูกตีกลับทุกฉบับ....สาเหตุเนื่องจากแฟนเราทำเรื่องฟอร์เวิร์ด จม.ทุกอย่างไปที่สำนักงานบัญชี ตั้งหลายปีแล้ว ....โดยที่เราไม่ได้นึกว่าจะมีผลกับเคสเรา.....แฟนเราเลยทำเรื่องแก้ไขที่อยู่....
- และประมาณวันที่ 9 ส.ค.49 มีจม.ตอบกลับมาจากศูนย์ว่าได้แก้ไขที่อยู่ให่เราเรียบร้อยแล้ว...และจะส่ง RFE มาให้เรา.....แฟนเราก็รอ...สลับกับโทร.ไปที่ Call center ตลอดเวลา...เจ้าหน้าที่ตอบเราไม่ได้ว่าเคสเราอยู่ที่ใหนขั้นตอนอะไรแล้ว...และเจ้าเอกสารที่จะส่งมาเราก็ไม่รู้เรื่อง
- จนวันที่ 10 ต.ค.49 เราได้รับ จม. แจ้งว่าเคสเราถูก Denied เนื่องจากเราไม่ส่ง RFE กลับไปให้เขาภายใน 12 อาทิตย์......เพราะเขาบอกว่าไดส่ง RFE มาให้เราตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 แล้ว...( นั่นมันก็ก่อนที่เราได้ทำการแก้ไขที่อยู่ และก่อนที่เราได้รับ จม. แก้ไขที่อยู่ และบอกว่าจะ Remail Rfe มาให้เรา ) ...พระเจ้าช่วย...กล้วยทอด จริง ๆ แฟนเราไม่เคยได้รับเอกสารใดๆ จากทางศูนย์เลยนอกจาก จม. ฉบับนั้นฉบับเดียว
ตอนนี้เลยต้องพึ่ง ผู้ช่วย สว. เขาก็รับปากว่าจะช่วยให้เคสเราถูกนำกลับมาดำเนินเรื่องต่อให้ได้.....แต่มันก็มีอุปสรรคอีกจนได้....ก่อนหน้าที่แฟนเราจะขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วย สว.....แฟนเราเคยขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วย สส. ที่เมืองแล้ว 1 ครั้ง...แต่เผอิญเขาลาออกไปแล้ว......ที่นี้พอผู้ช่วย สว. โทรไปที่ ศูนย์เขาบอกว่าเขาจะไม่ฟังใครนอกจากคนของทางสำนักงาน สส. ที่เราเคยไปขอความช่วยเหลือครั้งแรก......แฟนเราก็กลับไปหา สส. ใหม่อีกครั้ง.....แฟนเราวีนแตกมากเลย.....พรุ่งนี้ถึงจะได้พบกับผู้ช่วย สส. คนใหม่ที่มางานแทนคนที่เคยช่วยแฟนเราแต่ดันลาออกไปแล้ว.......เฮ้ย....กลุ้มจัง.....เพื่อนๆ มีวิธีที่พอจะแนะนำให้เราคลายเครียดได้บ้างหรือเปล่าค่ะ...../ วรรณ

    เคสที่ถูก Denied ถูก Reopened แล้วค่ะ

    :FL: วันนี้มี (Oct 12, 2006) ข่าวดีของตัวเองเพิ่มเติมค่ะ.....หลังจากที่แฟนกลับไปหา ผู้ช่วย สส.เมื่อวาน...เขาก็ช่วยเราส่ง mail และก็โทรศัพท์ติดต่อให้.........พอมาตอนเช้าได้รับ mail ตอบจาก Uscis แบบนี้ค่ะ

    The following is the latest information on your case status

    Receipt Number: LINxxxxxxxxxx

    Application Type: I129F , PETITION FOR FIANCE(E)

    Current Status: 

    On October 11, 2006, this case was reopened on a USCIS motion, and the case is now in process. We will mail you a decision as soon as processing is complete. You can use our processing dates to estimate when this case will be done. Follow the the link below for current processing dates. 

    If you have questions or concerns about your application or the case status results listed above, or if you have not received a decision or advice from USCIS within the projected processing time frame*, please contact the National Customer Service Center. 

    National Customer Service Center (800) 375-5283.

    *The projected processing time frame can be found on the receipt notice that you received from the USCIS.
    *** Please do not respond to this e-mail message.


    Sincerely,


    The U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS)

:K: อยากบอกว่ากว่าจะถึงวันนี้แทบ...เป็นบ้าแน๊ะ....เมื่อวานวันที่ 2 พ.ย.49 ได้รับเมลล์จากศูนย์ว่าเคสอนุมัติแล้ว...วรรณทำที่ศูยน์เนบลาสก้าแล้วโอนไปแคลิฟอร์เนีย...ยื่นเรื่องไปตั้งแต่ 3 เม.ย.49 และเขาจะส่ง NOA2 มาให้.....อ่านเท่านี้แหละหัวใจพองโตเล้ยเรา.....
*K1-2006 วรรณd efrisco ok Apr02,06ถูก Denied ถูก Reopened
ส่งแพ็คเก็ต 3 ไปวันที่ 3 ม.ค.50 สถานทูตได้รับ 5 ม.ค.50

Tuesday, March 21, 2006

รวมประสบการณ์การขอ K2 ทำเรื่องจากอเมริกา

โพสต์ รวมประสบการณ์การขอ K2 ทำเรื่องจากอเมริกา
K2 มาด้วย visa K1 แต่มีโครงการว่าจะพาลูกชายมาอยู่ด้วย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พอดีอยากทราบเกี่ยวกับ visa k2 นะค่ะ คือ มาด้วย visa k1 แต่มีโครงการว่าจะพาลูกชายมาอยู่ด้วย เดือนมิุถุนายน นี้นะคะ พอดีตอนนั้นไม่ได้เอาลูกชายมาด้วย ทางสถานฑูตบอกว่าถ้าจะเอาลูกชายมาต้องทำเรื่องก่อนที่ visa จะหมดอายุ(ภายใน 1 ปี) คือตอนนี้ลูกชายมี case number เหมือนกับเรา เราแค่เอา case number ไปโชว์เขาใช่ไหมค่ะ? หรือว่าต้องมีเอกสารตัวอื่นเพิ่มอีก เราต้องยื่นเรื่องสัมภาษณ์ ให้ลูกชายไหมค่ะ? แล้วจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? มีใครในห้องนี้เคยทำเรื่องให้ลูกบ้างค่ะ? กรุณาช่วยบอกด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

แล้วรูปถ่ายของลูกต้องใช้ยื่น หรือเปล่าค่ะ พาสปอร์ตเวลาส่งไปขอสัมภาษณ์จะต้องเป็นของเราและของลูกใช่ไหมค่ะ ถ้าใช้รูปถ่าย ลูกชายต้อง 2x2 นิ้วหรือเปล่าค่ะ เอกสารที่คุณบอกมาว่า ใช้ DS230 DS156 DS157 นี่เราใช้ตัวเดิมใช่ไหมค่ะ แต่ว่าทางสถานฑูตบอกว่ายังเก็บเอกสารเราไว้อยู่จน กว่าจะถึง 1 ปี ยังไงรบกวนถามอีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะ

คือว่า ภัสมี Case Number เดียวกับลูกเลย ซึ่งเป็นจดหมายจากสถานฑูตที่ส่งมาให้เรา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2005 แล้วภัสทำเรืองมาอเมริกา แต่ยังไม่ได้ดำเนินเรื่องของลูก แล้วภัสต้องทำยังไงบ้างคะ รบกวนด้วยนะ คะ
Meny เขียน:
สวัสดีค่ะ เรื่องเอกสารของลูกก็ให้ยื่นขอนัดสัมภาษณ์เหมือนของเราเลยค่ะ มี checking list (same case number as your), copy of passport, DS 230 part 1 ส่งยื่นขอนัดวันสัมภาษณ์ เมื่อได้วันนัดสัมภาษณ์แล้วค่อยนำเอกสารต่าง ๆ ของลูก ที่เป็นตัวจริงและสำเนาติดไปด้วย และก็จะมี DS156, DS157 , I-134 สำเนาที่ทางแฟนรับรองให้คุณและลูกน่ะค่ะ อ้อ.... แล้วอย่าลืมพาลูกไปด้วยนะคะ เขาจะดูตัวเด็ก กับในพาสปอร์ตว่าตรงกันมั้ย แล้วต้องไปตรวจสุขภาพด้วยนะคะ ถ้าฉีดวัคซีนครบก็จะเสียเงินแค่ค่าตรวจ ประมาณ 700-800 บาทค่ะ 
โชคดีค่ะ
nokky เขียน:
คุณ Phutthan คะ เอกสารใช้เหมือนของแม่ทุกอย่างเลยค่ะ ตามที่คุณ Meny แจ้งน่ะค่ะ มีรูปถ่ายด้วย หนังสือเดินทาง และก็พาลูกชายไปด้วยนะคะ และก็อย่าลืมตรวจสุขภาพด้วย
รบกวนขอคำแนะนำเกี่ยวกับวีซ่า K2 ค่ะ
คือภัสทำเรื่องครั้งแรกขอวีให้ภัสและลูกสาวค่ะ (ลูกสาวอายุ9ขวบค่ะ) และมีจดหมายแจ้ง case number มาให้เมื่อ 7 มิถุนายน 2005 ค่ะ แล้วภัสมาอเมริกาคนเดียว แต่ลูกสาวยังอยู่ที่เมืองไทย แต่มีวงเล็บเกี่ยวกับ (p) ชื่อของภัส และ (C)ชื่อของลูกสาว

แต่ตอนนี้ภัสกลับมาเมืองไทยและติดต่อกับทาง เอเย่นต์ที่รับทำเรื่อง แต่คอยมา1 เดือนแล้วยังไม่ได้เรื่องเลยค่ะส่งสัย(ข้าพเจ้าเสียเงินฟรีแน่ ๆ เลยคิดในใจ ดังไปหน่อย) อยากรบกวนถามค่ะว่า

ภัสมีจดหมายและ case Number แล้ว ภัสอยากรู้ว่าที่คุณ Meny บอกว่า มี 
- checking list (same case number as your) 
- copy of passport 
- DS-230 part 1 
เสร็จแล้วส่งเรื่องขอนัดสัมภาษณ์ จะต้องจ่ายที่ 100U$ ที่ไปรณีย์หรือไม่คะ และต้องใช้รูปของลูกด้วยไหม และ checking list นั้นคือจดหมายที่ทางเค้าส่งมาให้เราใช่หรือไม่(ภัสแนบมาให้ดูด้วยค่ะ)

และเมื่อได้วันสัมภาษณ์แล้วต้องนำเอกสารต่าง ๆ ของลูที่เป็นตัวจริง และก็จะมีส่งฟอร์ม
- DS-156
- DS-157
- I -134
- สำเนาที่ทางแฟนรับรองให้คุณและลูก (? คืออะไรคะ และถ้าแฟนมา 
สัมภาษณ์ด้วยจะดีกว่าไหม)
- พาลูกไปด้วย 
- ใบตรวจสุขภาพ (เราเอาแบบฟอร์มมาจากไหนคะ เค้าให้เรามาหรือว่า เรา
ดาว์โหลดเองคะ) 

รบกวนให้คำกระจ่างกับภัสด้วยนะคะ รบกวนด้วยนะคะ
ภัสอยู่เมืองไทยคะ และมีนัดสัมภาษณ์กรีนการ์ด 8 มิถุนายน 2006 นี้คะ
Meny เขียน:
ตอบคุณภัสค่ะ 

เราต้องจ่าย 4000 บาทที่ไปรษณีย์เหมือนกับตอนที่คุณภัสยื่นขอวีซ่าให้ตัวเองน่ะค่ะ 

คุณเดินเรื่องด้วยตัวเองก็ได้ ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาทำหรอกค่ะ 

เช็คลิสต์ ก็ให้ใช้ใบของคุณที่ทางสถานทูตถ่ายสำเนามาให้ก็ได้ค่ะ หรือจะเขียนใหม่แล้วใส่เคสนัมเบอร์ของคุณเองลงไปได้เลย 

ไม่ทราบว่าคุณนัดสัมภาษณ์ให้ลูกครั้งนี้ ใช้วิธีเดินเข้าไปในสถานทูตเอง หรือเขียนจดหมายนัดคะ 
ฟอร์มต่าง ๆ ก็ต้องกรอกแบบเดียวกันเลยค่ะ แม่ชุดนึง ลูกก็อีกชุดหนึ่ง แยกกันค่ะ รูปถ่ายก็ต้องนำไปด้วย สรุปแล้วคือ ตอนคุณขอวีซ่าของตัวเองใช้เอกสารอะไร ลูกก็ต้องใช้แบบเดียวกันเลยค่ะ เพียงแต่ใช้เคสนัมเบอร์เดียวกัน 

เอกสารซัพพอร์ตที่แฟนคุณทำให้ (ไอ 134) ตัวคุณสามารถใช้ฉบับถ่ายเอกสารแนบไปได้ค่ะ เพราะเขาจะระบุชื่อลูกคุณลงไปในนั้นด้วยแล้ว แต่ให้แน่ใจลองกลับไปอ่านดูว่ามีชื่อของลูกที่คุณจะขอวีซ่าให้เขาด้วยน่ะค่ะ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่มีชื่อของลูก คุณต้องขอให้แฟนทำแล้วส่งมาให้ใหม่ เพราะไม่ทราบว่าคุณให้ตัวจริงสถานทูตไปตั้งแต่ครั้งที่คุณขอวีซ่าให้ตัวคุณเองหรือเปล่า 

คุณต้องนำตัวลูกสาวไปด้วยในวันสัมภาษณ์ เพราะเขาจะต้องดูว่าเด็ก กับในพาสปอร์ตเป็นคนเดียวกันหรือเปล่าค่ะ 

ลืมตอบคุณภัสไปข้อนึง การที่แฟนจะมาในวันสัมภาษณ์ด้วยหรือไม่นั้น ไม่มีผลอะไรหรอกค่ะ ขอให้เอกสารครบถ้วนถูกต้องเป็นอันใช้ได้ 

ยินดีล่วงหน้าค่ะ จะได้ไปอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก กับครอบครัวใหม่ และชีวิตใหม่ ถ้ามีอะไรยังข้องใจก็ถามมาได้นะคะ ยินดีตอบตามที่ตัวเองมีความรู้และประสบการณ์ ดิฉันไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย ก็อาศัยเว็บนี้เป็นแหล่งข้อมูลน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปอยู่รัฐไหนคะ ของดิฉันไปที่นิวเม็กซิโกค่ะ ใกล้ กับเท็กซัส ตอนนี้อยู่กรุงเทพค่ะ รอเคสอนุมัติอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ นี่ก็ปาเข้าไป 2 เดีอนกว่าแล้ว ยังไม่มีวี่แววเลย ก็คงต้องรอไปก่อน แต่คงอีกนาน 2-3 เดีอนกว่าจะได้กลับไปอีก 

ดึกแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ตอนนี้ไปเรียนนวดฝ่าเท้าที่วัดโพธิ์ ต้องตื่นแต่เช้า แล้วฝีกนวดทั้งวัน กลับบ้านก็หมดแรง พักนี้เลยไม่ค่อยได้เข้ามาออนไลน์ ถ้าเข้ามาตอบช้าคงไม่ว่ากันนะคะ บาย... ค่ะ

ขอให้โชคดีค่ะ 

:FL:

อังคาร มี.ค. 21, 2006 3:13 pm
แจมน้อย
แจมน้อย

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 3:39 pm
โพสต์: 50
ที่อยู่: Pittsburgh,PA
โพสต์ K2 ประสบการณ์ของหน่อย Noi ไปรับลูกชาย
K2 ประสบการณ์ของหน่อย Noi ไปรับลูกชาย

จากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ทำมา ไม่ต้องจ้างใครทำเพราะง่ายนิดเดียวและประหยัดเงินด้วย
    มีเอกสารที่จะต้องยื่นขอการสัมภาษณ์คือ- copy passport ของลูก
    - รูปถ่ายของลูก 2 ใบ
    - chick list อันนี้กรอกลงไปเลยว่ามีเอกสารอะไรบ้างที่เรามีพร้อมในวันสัมภาษณ์ แล้วก็เซ็นต์ชื่อได้เลย
    - DS-230 กรอกแล้วเซ็นต์ได้เลย หรือจะไปเซ็นต์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ก็ได้
    ุ- copy case number ของลูกซึ่งจะเป็นอันเดียวกับเรา
เอกสารทุกอย่างเราส่งทางไปรษณีย์ เราจะ walk in เขาไปไม่ได้ เดี๋ยวประมาณ 1 อาทิตย์เขาจะตอบเรื่องเรากลับมาว่าลูกจะต้องไปสัมภาษณ์วันไหน เขาจะส่งเอกสารมาให้เราที่บ้าน หลังจากที่เรารู้วันสัมภาษณ์แล้ว เราก็ไปจ่ายค่า visa ที่ไปรษณีย์ แล้วพาลูกไปตรวจร่างกายให้เรียบร้อยก่อนจะถึงวันสัมภาษณ์
    การเตรียมเอกสารในการสัมภาษณ์
    - เอกสารใบเสร็จในการจ่ายค่า visa
    - ใบตรวจสุขภาพจากทางโรงพยาบาล (ตัวนี้เราสามารถดาว์โหลด์แบบฟอร์มได้ ซึ่งจะต้องนำไปให้ทางโรงพยาบาล ถ้าใครไม่ได้เตรียมไปในวันที่เช็คร่างกาย ก็สามารถให้ทางโรงพยาบาลก็อปปี้จากฟอร์มได้ แผ่นละ 25 บาท นี่คือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นนะค่ะ ชั้น 3 ค่ะ)
    - DS 156 กรอกให้เรียบร้อย
    - DS 157 กรอกให้เรียบร้อย
    - I-134 ตัวนี้เราไม่ต้องทำใหม่เพราะว่า เราสามารถใช้ตัว copy อันเก่าก็ได้
    - รูปถ่ายความสัมพันธ์ของลูกเรา และสามีเรา(ถ้ามี)
หมายเหตุ การขอวีซ่าให้ลูกนั้นถ้าจะใช้เอกสารตัวเก่าต้องทำก่อน 1 ปี นับจากวันที่เราได้ วีซ่า

สำหรับหน่อยทำเรื่องด้วยตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง หน่อยส่งจดหมายไปสถานฑูตใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เขาก็จะตอบรับกลับมา เราอาจจะแนบ จม.วันที่ส่งเรื่องนัดสัมภาษณ์ให้ลูกว่า เรามีความจำเป็นว่าจะต้องนำลูกกลับไปพร้อมด้วยวันไหน แล้วให้เขากำหนดวันสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นได้ไหม ก็ทำได้ค่ะ เราก็จะได้วันนัดสัมภาษณ์เร็วขึ้น ของหน่อยยื่นเรื่องนัดสัมภาษณ์และสัมภาษณ์ ก็ประมาณ 1 เดือน เร็วเหมือนกัน ถ้าเพื่อนๆ สงสัยอะไรก็เข้ามาถามได้นะค่ะ ยินดีค่ะ

พุธ พ.ค. 17, 2006 2:53 pm
ข้อมูลส่วนตัว
โพสต์ K2 สัมภาษณ์ก่อน K1 หมดอายุ 1 ปี (หลังได้ Advance Parole)
สัมภาษณ์วีซ่า K2 ก่อนวีซ่า 1 ปีหมดอายุ (หลังได้ Advance Parole) 

เรื่องมีอยู่ว่า เรากลับไปทำเรื่องให้ลูกที่เมืองไทยก่อนที่จะครบกำหนด 1 ปี เราคิดว่าคงจะยื่นเรื่องไม่นานก็น่าจะได้วีซ่าแล้ว เพราะเป็น K2 วีซ่าติดตาม แล้วก็จริงๆ ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนฟัง ในกรณีที่ใครกำลังจะพาลูกมา
ตอนแรกที่เรายื่นเรื่องปรับสถานะขอกรีนการ์ด ในช่วงที่เรารอเราก็ขอ Advance parole ไปด้วยเลย ใช้เวลาประมาณ 5 อาทิตย์ก็ได้ Advance Parole มาครอง หลังจากนั้นก็รอว่าเราจะได้สัมภาษณ์วันไหน พอรู้แล้วก็กลับเมืองไทยค่ะไปทำวีซ่าให้ลูก แต่ในช่วงที่รออยู่ที่อเมริกา เราก็เตรียมเอกสารของลูกให้พร้อม เวลากลับไปก็จะได้ส่งเรื่องขอสัมภาษณ์ไปที่สถานฑูต พอถึงเมืองไทยเราก็กลับบ้านเลยค่ะไม่ได้พักที่กรุงเทพ เช้าวันต่อมาเราก็ไปไปรษณีย์ ส่งเอกสารไปสถานฑูต แล้วเราได้แนบเอกสารว่าขอสัมภาษณ์เร่งด่วน เพราะเราต้องกลับมาสัมภาษณ์กรีนการ์ดที่อเมริกา แล้วอยากพาลูกมาในเวลาเดียวกันเลย เราก็ได้Copy เอกสารตัวนั้นไปด้วย

พอเราส่งเรื่องไปประมาณ 1 อาทิตย์ เขาก็ตอบกลับมา ว่าได้สัมภาษณ์วันที่เท่าไหร่ เรายื่นเรื่องวันที่ 11 สิงหา ได้สัมภาษณ์ วันที่ 8 กันยา ก็ถือว่าเร็วมาก ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ค่ะ
ที่นี้เราก็รอเมื่อใกล้วันสัมภาษณ์ก็พาลูกไปกรุงเทพ วันที่ 6 ก่อนที่วันสัมภาษณ์จะมาถึงแค่ 2 วัน แล้วพาเขาไปตรวจร่างกาย จ่ายค่าวีซ๋า ตอนตรวจร่างกายรอนานมากๆ สงสารลูกมากเลยค่ะ โดนฉีดไป 2 เข็ม แต่ว่า 3 ครั้ง เพราะครั้งที่ 2 เขาดิ้นเลยฉีดได้ครึ่งเดียว เหลืออีกครึ่ง ก็เลยโดนไปซะ 3 เข็ม 

พอถึงวันสัมภาษณ์พาลูกตื่นตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว ออกจากที่พักประมาณ 7.00 น เพราะสัมภาษณ์ 9.00 น. ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจากพระราม 9 แล้วไปลงสถานีสุขุมวิท แล้วต่อรถไฟฟ้าจากอโศก ไปลงเพลินจิต เห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะก็เลย พาลูกเดินเล่นๆ จนไปถึงสถานฑูต ประมาณ 8.00 น. ก็ยังใจเย็นอยู่ คิดว่ายังไงเอกสารเราก็ครบแล้ว เตรียมยื่นหน้าต่างช่อง 5 พอประมาณ 8.20 เราก็เดินไปช่อง 5 เช็คเอกสาร โอ้ยตาย!!!!! ลืมเอาเอกสารซองสีน้ำตาลที่ทางโรงพยาบาลเขาให้มา ทำไงดีนี่ก็จะ 9.00 น. แล้ว 

โทรหาเพื่อนที่ห้องค่ะ เพราะเขาจะต้องมาทำงานกันที่ชิดลม พระเจ้าช่วยเขากำลังจะก้าวออกจากห้องพอดี เราก็บอกเขาว่าเราลืมเอกสารให้เอามาให้ที่สถานฑูตหน่อย ไอ้เจ้าเพื่อนก็บอกว่่าให้มาเอาเองที่สถานีเพลินจิตได้ไหม เพราะว่าถ้ามันเข้างานสายจะโดนหักเงิน เราก็มองดูเวลา รีบพาลูกออกจากสถานฑูตแล้วขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปรอเพื่อนที่เพลินจิต
โทรถามเพื่อนว่าถึงไหนแลู้ว สัญญาณก็ขาดๆหาย เพราะอยู่บนรถไฟฟ้า ตอนนั้นมองนาฬิกาเหลือเวลาอีก 20 นาที รถไฟฟ้าผ่านไป 2 ขบวนแล้วก็ยังไม่เห็นเพื่อนเลย แต่เรากับเพื่อนคุยกันก่อนว่าเพื่อนจะอยู่ตู้สุดท้ายให้มารอรับเอกสาร กว่าเพื่อนจะมาก็รอ จนขบวนที่ 3 พอรถไฟฟ้าจอดเพื่อนยื่นซองให้เรากับลูกรีบวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่รออยู่ ลูกก็ร้องและบอกว่าแม่เหนื่อยแล้วอย่าวิ่งเร็ว ไอ้เราก็สงสารลูกแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง คนแถวนั้นก็มองว่่าสองแม่ลูกเป็นอะไร วิ่งกันหน้าตื่่นเชียว
ทีนี้มองดูนาฬิกาเหลืออีก 10 นาที ขึ้นมอเตอร์ไซด์ก็ดันไปติดไฟแดงอีก โอ้ยอยากจะตายจะทำยังดีนี่ อยากจะวิ่งเอาก็สงสารลูก เป็นไงเป็นกัน พอไปถึงหน้าสถานฑูตเห็นคนยังต่อแถวยาว ก็ไม่รู้จะทำไง ก็เดินเข้าไปบอกเขาข้างหน้าว่าได้เข้ามาแล้วครั้งนึง แต่ลืมเอกสาร เขาก็ให้รีบเขาไปเพราะเหลือเวลาน้อยแล้ว

พอพาลูกเขาไปก็วิ่งอีกค่ะ ไปถึงประตูก็ 9.00 น. พอดีเลย พอไปถึงก็ไม่มีใครอยู่ที่หน้าต่างเลย ว่างเปล่า เอาละซิใจเสีย มือสั่นขึ้นมา แต่โชคยังดีที่มีนักศึกษาฝึกงานออกมา แล้วบอกให้เรารอตรวจเอกสาร และเช็คชื่อว่ามีชื่อสัมภาษณ์ของลูกเราไหม เขาบอกนี่มายื่นเป็นคนสุดท้ายเลยนะเนี่ย ก็ทำไงได้ดันลืมเอกสารตัวสำคัญมา
ต่อไปเราก็นั่งรอ นานมากๆ ได้สัมภาษณ์ประมาณ 11.30 น สงสารลูกนะค่ะ เพราะเขาหิิวก็หิว ไอ้เราก็บอกทนก่อน พอถึงคิวสัมภาษณ์ เขาก็ถามว่า คุณเป็นแม่ใช่ไหมครับ เราตอบว่าใช่ แค่นี้เองค่ะ เขาก็บอกว่่าให้มารับวีซ่าตอนบ่ายในวันพรุ่งนี้ เราก็โล่งอกเลย

นี่ก็เป็นประสบการณ์โดยตรงจากเราในการสัมภาษณ์ K2 วีซ่า ค่ะ นี่ถ้าไม่มีเพื่อนช่วยตายแน่ๆ ยังไงคุณแม่ๆ เวลาพาลูกไปสัมภาษณ์อย่าลืมเอกสารเหมือนเรานะค่ะ เช็คให้ดีก่อนออกจากบ้าน ขนาดเราวางไว้บนหัวนอนแล้วนะเนี้ยยังลืมได้เลย

ขอบคุณเพื่อนๆนะค่ะ เราก็ดีใจเหมือนกันจะได้อยู่พร้อมหน้ากันซะที ตอนแรกกรอกเอกสารเขาก็จะถามว่าเอาลูกมาพร้อมหรือเปล่า เราก็ยังไม่พร้อมที่จะเอามา แต่ยังไงในเอกสารก็มีชื่อลูกเราอยู่แล้ว ทางสถานฑูตบอกว่าถ้าจะเอาลูกมาทีหลังก็ได้ เขาจะเก็บเอกสารไว้ 1 ปีค่ะ ก็คือต้องยื่นเรื่องขอสัมภาษณ์ก่อนครบกำหนด 1 ปีนะค่ะ ถ้าเราไม่ยื่นก็ต้องทำเรื่องใหม่ เราไม่อยากเสียเวลารอและอีกอย่างต้องถ้ายื่นเรื่องใหม่เอกสารที่ตามมาก็มากมายเหลือเกิน ยื่นก่อนครบกำหนด 1 ปีก็ไม่มีอะไรมาก เพราะว่าลูกมีเคสนัมเบอร์เหมือนเรา ก็แค่ใช้
    - Check list
    - DS 156
    - DS 157
    - Copy พาสปอร์ตลูก
    - รูปถ่ายลูก 2 ใบ
    แล้วก็ส่งไปที่สถานฑูต เพื่อขอวันสัมภาษณ์นะค่ะ

เสาร์ ต.ค. 14, 2006 1:19 am