Monday, March 8, 2010

รวมสัมภาษณ์ K1 ของเพื่อนๆ ปี 2010 หน้า 2


รวมสัมภาษณ์ K1 ของเพื่อนๆ ปี 2010

  1. หน้าแรก
  2. หน้าที่ 2
แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Mon Mar 08, 2010 7:31 am
Posts: 24
Post K1-2010 จูน May11,10 @LA,CAยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยว
K1-2010 จูน May11,10 @LA,CAยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าออก May12,11

เพิ่งไปสัมภาษณ์มาวันนี้สดๆร้อนๆเลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณพี่แนท และพี่ๆทุกคนที่เป็นกระทู้ต้นเรื่องที่แบ่งบันเกร็ดความรู้ดีๆและมีประโยชน์นะค่ะ ขอคุณเวปไซค์ดีๆแบบนี้ค่ะ

ต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับพี่แนท พี่สาวที่แสนดีมากๆ ที่กรุณาตอบทุกคำถามอย่างฉับไวทุกครั้งค่ะ 


เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้ไปสัมภาษณ์มาค่ะ คิวที่มาสัมภาษณ์ท่องเที่ยว ยาวววววววววววววมากกกกกก เลยเดินไปถามน้องเสื้อม่วงว่าต้องต่อคิวป่าวเนี่ย (6.40 am) เค้าก็ขอดูใบนัดค่ะแล้วบอกไปคอยน่าประตูเลย พี่ยามก็บอกเข้ามาทีละ 5 คนนะ ไอ้เราก็กลัวๆกล้า จะเข้าเลยเหรอว๊า แซงคนเพียบเลย จะโดนตบไหมเนี่ยยย พี่ยามออกมาอีกทีว่าเข้าได้เลยป่าว เข้าก็บอก เข้าเลย เราก็ถือวิสาสะแซงซะงั้น

เข้ามาแล้วก็ฝากของแล้งพุ่งไปยังห้อง สัมภาษณ์เลย เออออ ช่อง 5 อยู่ไหนว๊า (เข้าประตูมาจะอยู่ด้านซ้ายมือ ช่องที่สองค่ะ อยู่ระหว่างเสาธงนะค่ะ คือวันนี้ไปเช้า ไฟเลขช่องยังไม่เปิด …. สังเกตุว่าเข้าจะเขียนว่า วีซ่าถาวรค่ะ)

เอาเอกสารไปยื่นซะ (6.50 am) เจ้าหน้าที่ทำงานเช้ามั่กๆ ตอนยื่นเอกสารก็แอบเห็นรายชื่อผู้สัมภาษณ์วันนี้
ชื่อเราอยู่หน่ายยยยยย อ้อนั่นเอง รอนานแน่ๆ ….

ก็ไปนั่งคอยค่ะ

และแล้วเวลาผ่านไปก็มีเจ้าหน้าที่การทูตมาประจำตำแหน่ง (8.15 am) คนแรกเข้าไปสัมภาษณ์ K1 เหมือนกันผู้ชาย คุยนานมากกกกกกกกกก 40 นาทีเห็นจะได้ แล้วก็ไม่ผ่าน ต้องเอาเอกสารมาเพิ่ม

คิวต่อมา ผู้หญิงอีก ขอ CR1 … ไม่ได้ ขอเอกสารเพิ่ม
คนต่อมา ผู้หญิง ไม่แน่ใจ ขออะไร ไม่ได้ คืน passport ด้วย

เราก็ นั่งใจตุ้มๆต่อมๆ จะผ่านไหมว๊า

ผู้หญิงอีกนเข้าไป … ผ่าน ค่ะ

น้องผู้หญิง อีกคนเข้าไป … ไม่ผ่าน

ตอนนี้คนที่มาสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวแทบไม่เหลือแล้ว …. เพราะแต่ละคนที่เข้าไปสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ แต่คนคนสัมภาษณ์นานมั่กๆ ประมาณครึ่งชม. อ่ะ
และแล้วก็เห็นเค้าหยิบเอกสารความสัมพันธ์ที่เพิ่งยื่นไป เราแน่แล้ว (10.45 am) จริงดังคาด เรียกชื่อเรานั่นเอง
เข้าไปก็ให้สาบาน เค้ายังพูดไม่จบเลย ก็สาบานหล่ะ เลยต้องคอยให้เค้าพูดให้จบก่อน แล้วสาบานอีกครั้งค่ะ

คำถามที่โดนถามก็มีดังนี้
- รู้จักกันได้ยังไง
- เค้าเคยมากี่ครั้ง
- เราเคยไปอเมริกาไหม
- เราทำงานอะไร
- เค้าทำงานอะไร
- ครั้งล่าสุดเจอกันเมื่อไหร่
- หมั้นกันวันไหน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่การทูตก็แจ้งว่า ตามหลักปฎิบัติแล้วต้องขอยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวนะ แล้วก็ยินดีด้วยนะสำหรับวีซ่าคู่หมั้น แจ้งอีกว่าพอเข้าประเทศอเมริกาแล้วต้องแต่งงานภายใน 90 วันนะ
แล้วจากนั้นไปบอกให้ไปรับวีซ่าค่ะ พร้อมยื่นใบนัดมาให้ค่ะ แล้วยื่นเอกสารความสัมพันธ์คืน

คือแบบว่าวันนี้แบกเอกสารไปประมาณ 5-6 กิโล แต่เค้าไม่เปิดไรดูเลย แม้แต่น้อย เลยแอบน้อยใจ บอกว่าไม่เก็บไว้เหรอ คืนเลยเหรอ
เค้าก็บอกว่า you evidence are very convincing … (มี email/ telephone record/ photo)
เราก็มันหนักนะ ไม่เก็บไว้บ้างเหรอ เค้าก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า but worth isn’t it causes you’ve got visa. เราก็ตอบว่าจริง แต่ยังไม่วายบ่นอีก ว่าตัดต้นไม้ไปตั้งหลายต้นพิมพ์มาอ่ะ เค้าก็บอกว่า เอาไป Recycle ใช้หน้าหลังต่อนะ แล้วบอกอีกว่า บางคนก็เอามามากเกิน บางคนก็น้อยเกิน … (เลยอยากบอกเพื่อนๆว่า เอาไปพอดีๆ ก็ค่ะ เอาไปเยอะมากก็หนักเปล่า …. แบบเราวันนี้แขนแทบหลุด)

ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ พระเจ้าคุ้มครองค่ะ


Last edited by We are Munoz on Tue May 11, 2010 3:00 pm, edited 1 time in total. 
Tue May 11, 2010 2:09 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Sat Aug 08, 2009 5:02 am
Posts: 59
Location: Texas
Post K1-2010 เอื้อง May10,10 รับ May12,10 รวม 167 วัน
K1-2010 เอื้อง May10,10 รับ May12,10 รวม 167 วัน

สวัสดีค่ะ และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึงแล้วค่ะ เป็นวันที่ฝันไว้ อิอิ เคยอ่านแต่ประสบการณ์ของท่านอื่นๆ ตอนนี้ได้มาเขียนของตัวเองให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้อ่านและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปค่ะ
จริงๆต้องขอขอบคุณผู้จัดทำเว็ปนี้เป็นอย่างมากค่ะ เพราะทุกๆอย่างและความสำเร็จของตัวเอง และหลายๆท่านก็ล้วนแล้วแต่มาจากที่นี่ อีกทั้งบุคคลผู้ซึ่งคอยให้ความกระจ่างและกำลังใจจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่ๆเพื่อนๆ และน้องๆในห้องนี้ค่ะ

ขอบคุณแนท ที่คอยตอบคำถามทุกๆ คำถาม
ขอบคุณพี่เมย์ค่ะ ที่ให้ข้อมูลด้านการตรวจสุขภาพ
ขอบคุณพี่ดาวพระศุกร์ น้องรุ่ง น้องส้ม ที่คอยนำข้อมูลประสบการณ์ดีๆมาเล่าสู่กันฟังตลอด
ขอบคุณประธาน สาวสวยของพวกเรา ค่ะ พี่เดือน คอยเป็นกำลังใจ ให้ข้อมูล อยู่เสมอ
และสาวๆ ที่คอยให้กำลังใจเรื่อยมาค่ะ น้องแนท คุณแอน คุณแอนเลิฟ คุณเอ คุณเจ คุณต่าย น้องแอม น้องแอนนา คุณเอ็กซ์ คุณอิ๋ว พี่นิ้กกี้ คุณอุ๋ย พี่ปู พี่แพร น้องจิ้บ คุณเปิ้ล คุณบุ๋ม คุณต่ม พี่น้ำ คุณพิม คุณดา คุณฝน และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ๋ยชื่อนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆค่ะ

เข้าเรื่องเลยแล้วกันค่ะ มาถึงกรุงเทพก่อนวันสัมภาษณ์ 1 วันค่ะ แล้วก็ซ้อมเดินไปหน้าสถานทูต 1 รอบเพื่อดูว่าไปทางไหนแล้วก็ใช้เวลานานเท่าไหร่ แล้วก็กลับมาพักผ่อนค่ะ วันนี้ตื่นแต่เช้าค่ะ ตั้งนาฬิกาปลุก 4.30 แต่เมื่อคืนก็พยายามนอนให้หลับ ก็หลับไม่ดีเลยค่ะกลัวตื่นไม่ทัน สักพักคุฟรแฟนก็โทรมาปลุกอีกค่ะ ก็เลยรีบอาบน้ำแต่งสวย กะว่าจะออกจากโรงแรม (สวัสดีหลังสวนอิน ) สัก 5.30 แต่ก็ออกเวลา 5.40 จนได้คือว่าพักที่โรแรมใกล้ๆกะสถานทูต เดินไป 10 นาทีค่ะ ระหว่างนั้นก็หาไรกินรองท้องค่ะ อิอิ กลัวหิว แล้วก็เดินข้ามสะพานลอยค่ะ บ้านนอกเข้ากรุงกลัวรถชนค่ะ ไปถึงเวลา 5.50 ค่ะ ก็มีคนเข้าคิวอยู่แล้วประมาณ 10 คนค่ะ พยายามมองหาเพื่อนร่วมชะตาโดยสังเกตุว่ามีใครถือฟิมล์อันใหญ่ๆหรือกระเป๋าใหญ่ๆเหมือนเรามั้ยก็ไม่มีค่ะ สักพักมีน้องคนหนึ่งเดินมาต่อคิวด้านหลัง แอบเห็นเค้าถือกระเป๋าแฟ้ม ก็ดีจัยแล้ว อาจใช่แต่เอะไม่เห็นมีฟิมล์เหมือนเราเลย ก็เริ่มต้น เลยค่ะ ฮ่า เหยื่อมาแล้ว อิอิ ก็แนะนำตัวเองก่อนเลยแล้วถามน้องเค้า เค้าบอกว่ามาขอวีซ่าคู่สมรส เราก็เออ ดีจัยขึ้นมาค่ะ ว่าอย่าน้อยก็มีเพื่อนคุย สักพักก็คุยกันไปเรื่อยค่ะ เค้าก็ถามเกี่ยวกับตรวจร่างกายเราก็ตอบไป บรา บรา แล้วก็ถามเค้าว่าไม่เห็นถือฟิมล์มาด้วยเลย เอาแล้วสิงานเข้าน้องเค้าซะงั้น เค้าบอกว่าลืมค่ะ เพิ่งรู้ตอนนี้เองทำงัยดี เราก็ถามว่าอยู่ไกลป่าว เค้าบอกว่าอยู่อ้อมน้อย ไม่รู้หรอกว่าไกลมั้ย แล้วน้องเค้าก็วิ่งออกไปยืนที่ข้างถนนเหมือนกับว่าจะไปเอาซะงั้น พอเรามองดูเวลาจะ 6.30 แล้ว คิวยาวมากๆค่ะ ก็หันไปดูน้องเค้าอีกทีจังหวะดีที่เค้าหันมาหาเราก็เลยกวักมือเรียก พอมาถึงก็เลยบอกเค้าว่าเข้ามาสัมภาษณ์ก่อนก็น่าจะดีกว่าแล้วถ้ายังงัยค่อยส่งเอกสารเพิ่มก็ได้ค่ะ น้องเค้าก็โอเคก็กลับเข้าต่อคิวเหมือนเดิมค่ะ แล้วก็มีน้องอีกคนที่คิวถัดไปก็เข้ามาทักทายหาเพื่อนเช่นกันก็เลยคุยกันอยู่ 3 คน ยังกะรู้จักกันมาก่อนแหนะ

พอสักพัก ก็มีสาวเสื้อม่วงออกมาเช็คเอกสารพอเช็คมาถึงเราก็บอกให้ไปรอหลังเส้นแดง เราก็รีบไป โดยไม่สนใจใครเลย ฮ่าฮ่า แล้วก็หน้าแตกค่ะ มีคุณป้าพาลูกมาขอวีซ่าเช่นกันเค้าก็บอกว่าน้องทำอะไรคะ ทำไมมายืนตรงนี้ เราก็บอกว่าเค้าให้มายืนหลังเส้นแดง เค้าก็มองหน้าเราเนี้ยะยืนได้ค่ะ เพราะทุกคนก็ยืนเราก็เลยบอกว่าขอโทษค่ะ เพราะว่าไม่เห็นมีใครค่ะก็เลยมายืนค่ะ เค้ากลัวเราแซงคิวอ่ะ อิอิ ปล่อยไก่

เสร็จแล้วก็เข้าไปข้างใน ฝากโทรศัพท์ ก็สแกนกระเป๋าค่ะ แล้วก็ไปที่ประตูไม้ พอเข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ จากที่ข้างนอกร้อนๆ ตอนนี้หนาวเลยค่ะ 5555 ก็หาที่นั่งเลยค่ะ หน้าเลย ตามรุ่นพี่ค่ะ นั่งหน้าเนี้ยะดีนะคะขอบอก เสร็จแล้วสักพักน้องคนนั้นก็เข้ามาก็เบยถามว่าทำมานานจังเค้าบอกว่า เค้าจ้างทนายทำเรื่องให้ค่ะ ทนายให้จดหมายนัดมาแต่ที่เราดูเหมือนทนายเค้าพิมพ์เอง เหมือนเอกสารไม่ได้มาจากสถานทูต เจ้าหน้าที่ก็เลยตรวจสอบนานค่ะ แต่น้องเค้ามีเอกสารอีกอันค่ะ ที่มาจากสถานทูตก็เลยได้เข้ามา

สักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกยื่นเอกสารที่หน้าต่าง 5 ตามสเต็ปเลยค่ะ รีบไปคนแรก แต่ไม่ทันมีคุณป้าอีกคนไปถึงก่อน เอกสารไม่ค่อนเรียบร้อย ค่ะ พี่เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่าคนต่อไปเตรียมเอกสารรอเลยนะคะ ของเราเตรียมมาดีค่ะ พอถึงคิวเราก็ฟิมล์ก่อนค่ะ ตามด้วยเอกสารตัวจริง
เอกสารตัวจริงก็คลิบหนีบไว้ด้วยกันเลยค่ะ มีหนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบเกิด ใบรับรองโสด
แล้วก็เอกสารความสัมพันธ์ มีดังนี้ค่ะ

1. ประวัติการ chat ประมาณ 18 เดือนๆละ 3-5 แผ่น ทำindex มองเห็นแยกเป็นเดือนๆ ประมาณ 100 แผ่น + ปริ้นส์สกรีนหน้าที่เห็นแฟนขณะ chat ประมาณ 20 แผ่น เขียนรายละเอียดใต้ภาพพร้อมวันที่ค่ะ
2. รูปถ่ายคู่กับแฟน และครอบครัว มีพิธีหมั้นแบบไทยๆ ปริ้นส์ใส่ A4 แผ่นละ 2 ภาพ ประมาณ 30 แผ่น
3. อีเมล์ที่ส่งหากัน ปริ้นส์หน้า Inbox และเนื้อหาข้างใน ประมาณ 50 แผ่น
4. ใบเสร็จต่างๆ ประวัติการจองที่พัก โรงแรม ตั๋วเครื่องบินที่ไปเที่ยวด้วยกัน ใบเสร็จต่างที่แฟนซื้อของให้และส่งเงินให้
5. ประวัติการโทรศัพท์ทั้งของเราและของแฟน
หลังจากนั้นก็กลับมานั่งรอที่เดิมค่ะเม้าส์ต่อไปค่ะ ขณะเดียวกันก็คอยสังเกตช่อง 6 ตลอดค่ะ เกรงว่าเวลาเรียกชื่อเราแล้วเดี๋ยวจะไม่ได้ยินค่ะ และแล้วคนที่ 1 ก็ถูกเรียกไปตอน 8.10 คนนี้พูดภาษาเก่งมากค่ะรู้สึกว่าเค้าพูดไทยไม่ได้แต่หน้าไทยมากค่ะ เค้าก็ตอบเสียงดังฟังชัด ตอนนั้นเราก็นั่งเม้าส์ไปเอียงหูฟังไปด้วย เพราะว่ามีคนมาขอวีซ่าเยอะมากค่ะในห้องนี้แล้วก็เข้าแถวยาวมาจนเรามองไม่เห็นหน้าต่างช่องต่างๆ ขณะนั้นก็ตื่นเต้นกับเพื่อนๆมือเย็นกันทุกคนเลยค่ะ และแล้วเมื่อคนแรกผ่านไป 10 นาทีปรกฎว่าเค้าส่งเสียงประมาณว่าดีจัยและแทงกิ้วมากมายก็พอเดาออกแล้วเสร็จแล้วเค้าก็เดินออกไปด้วยใบหน้าบานเลยค่ะ ต่ออไปก็นั่งลุ้นต่อค่ะ และแล้วก็ได้ยินเสียงคล้ายๆชื่อเราเดินไปดีกว่าและแล้วก็จริงๆด้วยค่ะ
ท่านกงเป็นผู้ชายค่ะหน้าตาดี ตอนแรกมองดูหน้าเหมือนดุหน่อยค่ะแต่พอท่านยิ้มนะคะดูใจดีมากเลยค่ะ
ก็ทักด้วยคำว่าสวัสดีครับเราก็ยกมือไหว้สวัสดีตอบค่ะ
แล้วท่านก็บอกว่าคุณจะพูดความจริงทั้งหมดหรือมั้ย ก็ให้ยกมือขวาค่ะ เราก็ตามขั้นตอนค่ะ อ่านมาดี อิอิ
ค่ะทุกคำพุดเป็นความจริงค่ะ แล้วก็ให้เซ็นชือ ds 156k แล้วก็สแกนนิ้วค่ะ ซ้ายก่อนค่ะ กดไม่แรงพอค่ะท่านก็ให้ใช้มืออีกข้างช่วยจนได้ยินเสียง ติ้ด.. แล้วก็ข้างขวา สุดท้าย 2 โป้งค่ะ
ท่านพูดไทยทุกคำเลยค่ะขอบอก อิอิ
คำถามนะคะ
1. How you met your fiancé? ก็อธิบายไปค่ะ
2. How many time your fiancé come to see you? When and what is the date? ก็ตอบไปค่ะ
3. How you communicate with your fiancé while he is in the state? ก็บอก chat by yahoo messenger and call
4. What language you communicate with your fiancé? English and Thai ค่ะ (แฟนเป็นคนไทยค่ะ พูดไทยนิดหน่อยค่ะ)
5. When your fiancé purpose you to marry? ตอนนี้ท่านยิ้มนิดหน่อย เราก็ตอบแบบเขินๆ แล้วก็บอกวันเดือนปีด้วยค่ะ
6. What is his job? And explain about he job
7. Where he live?
8. What is your job?
9. When will you marry? After arrive US one month
10. Did you married and your fiancé? No I never and he never too
11. Do you want to work in US ? Not sure ka
12. Where will you stay in US?
13. Your English very good ขอบคุณค่ะ
ขณะที่ท่านถามนะคะไม่เปิดเอกสารที่ถือไปเลยค่ะ ได้แต่ถามแล้วก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ แค่หยิบดูว่ามีแฟ้มอะไรบ้างค่ะแต่ไม่ได้เปิดข้างในคิดว่าท่านคงดูก่อนหน้าที่จะเรียกแล้วค่ะ แล้วท่านก็หันไปเปิดแฟ้นเล็กน้อยแล้วก็หยิบกระดาษสีขาวที่เราปรารถนาแต่ท่านก็ยังไม่พูดอะไรค่ะ สอดไว้ที่พาสปอร์ตค่ะ แล้วท่านก็คืนเอกสารกลับมาทุกอย่างค่ะ ยกเว้นพาสปอร์ต เราแอบดีจัยเล็กแล้ว แล้วท่าน็บอกว่า ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับผมอนุมัติวีซ่าให้คูณมารับวีซ่าวันที่ 12 พ.ค. บ่าย 3 โมงครับ หน้าบานเลยค่ะ ขอบคุณท่านและสวัสดีค่ะ แล้วก็บอก แฮบอะก้ดเดย์ค่ะ แล้วก็หยิบใบนัดเดินตัวลอยออกมาหาเพื่อนๆค่ะ ก็มานั่งเล่านิดนึงค่ะ บอกเพื่อนว่ากะจะรอช่วยลุ้นค่ะพอนั่งสักพักทนไม่ไหวค่ะ อยากโทรหาแฟนค่ะ แต่ก็ไม่ลืมที่จะโทรหาแม่ก่อนค่ะ ก็เลยขอตัวออกมาแต่ก่อนออกมาก็ไม่ลืมที่จะแจกเบอร์อีเมล์ค่ะ คือว่าน้องๆเค้าขอน่ะค่ะ เผื่อมีไรให้ช่วยแนะนำก็ยินดีค่ะ
เท่าที่ดูเวลาก็สัมภาษณ์อยู่ประมาณ 10 นาทีค่ะ แล้วก็เดินกลับโรงแรมค่ะ แบบว่าตัวเบามากเลยค่ะทั้งที่กระเป๋ายังหนักเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่หนักเลยค่ะ วันนี้ที่รอคอยค่ะ เหมือนยกภูเขาออกไปเลยค่ะ

เดินทาง Jun08,10


Last edited by Ueang on Sun May 23, 2010 3:53 pm, edited 2 times in total. 
Thu May 13, 2010 9:00 amProfile YIM

สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่

Joined: Thu Mar 11, 2010 3:47 pm
Posts: 8
Post K1-2010 แอน May13,10 รับ May18,10@CA
K1-2010 แอน May13,10 รับ May18,10@CA

ก่อนอื่นขอขอบคุณเพื่อนๆ และก้อพี่ๆที่ช่วยแนะนำข้อมูลต่างๆ และในที่สุดวันนี้ก้อได้มาถึง ตอนนี้รู้สึกโล่งไปเลยค่ะ แอนได้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ค่ะ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะว่าบ้านอยู่ไกลไปถึงสถานทูตก้อเกือบจะ 6 โมงแล้วค่ะ เริ่มมีคนมาเข้าคิวแล้วค่ะ ประมาณ เกือบเจ็ดโมงก้อมีเจ้าหน้าที่ เริ่มเดินเชคใบนัด วีซ่าคู่หมั้นกับวีซ่าถาวรเข้าไปได้เลยค่ะ แอนก้อเดินไปเลยค่ะคนแรก ทำไมไม่เจอเพื่อนร่วมชะตากับเราเลยซักคน อย่างไงก้อสู้ไว้ก่อน จากนั้นก้อฝากโทรศัพท์ และเครื่องสื่อสารต่างๆไว้ก่อนที่จะเข้าห้องเย็น จากนั้นแอนก้อเจอเพื่อนร่วมชะตากับแอนเดินตามมาติดๆ ในที่สุดก้อมีเพื่อนเข้าห้องเย็นด้วยกัน จากนั้นก้อเริ่มมีคนทยอยเข้ามาค่ะ ส่วนใหญึ่จะเป็นวีซ่าถาวรเยอะค่ะ มีคู่หมั้นประมาณ 3คน แอนก้อเริ่มเม้าท์กะเพื่อนๆที่ร่วมชะตากัน ต่างคนก้อต่างตื่นเต้น ไม่รู้ผลจะเป็นไง ประมาณเจ็ดโมงนิดๆ ไฟก้อเริ่มเปิดขึ้น เจ้าหน้าที่ให้ยื่นเอกสารที่ช่องหมายเลขห้า แอนก้อเข้าคิวตามเพื่อนๆไป สรุปได้ยื่นเอกสารเป็นคนสุดท้ายค่ะ จากนั้นก้อกลับมานั่งที่รอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อ ทุกคนก้อพากันนั่งคุยอ่ะค่ะ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้หายตื่นเต้น พอดีเมื่อวานคนมาสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ เลยดูวุ่นวาย อาการตื่นเต้นก้อเริ่มลดลง ประมาณแปดโมงครึ่งแอบมองเห็นท่านกงศุลเข้ามาแล้วค่ะ ทุกคนมองหน้ากัน ใครจะเป็นผู้โชคดีโดนสัมภาษณ์คนแรก แอนคิดว่าแอนคงหลังๆแน่นอนเลย วีซ่าถาวรเยอะค่ะ เกือบสิบคนได้ ก้อเลยนั่งลุ้นอยู่ และแล้วเสียงสวรรค์ก้อดังขึ้น แอนเป็นคนแรกเลยค่ะ โอ้วแม่เจ้า ยังไม่ตั้งหลักเลย ขาสั่น ใจเต้น ตายแน่ๆเรา จากนั้นแอนก้อหิ้วสัมภาระทั้งหลายเข้าไปที่ช่องหมายเลขหก พร้อมไหว้ท่านกงศุลอย่างงามๆ ยิ้มสู้อย่างเดียวเลยค่ะ จากนั้นท่านก้อให้สาบานค่ะ ว่าสิ่งที่ที่พูดเป็นความจริง แอนก้อตอบอย่างไม่คิดเลยค่ะว่า Yes i do......
และแล้วการสัมภาษณ์ก้อเริ่มขึ้น

= คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
= คุณรู้จักคู่หมั้นได้ยังไง แอนก้อสาธยายไป
= คู่หมั้นคุณมาเมืองไทยทำไมครั้งแรก
= คู่หมั้นมาหาคุณกี่ครั้ง
= คุณจะแต่งงานเมื่อไหร่
= คู่หมั้นคุณทำงานอะไร และเราทำงานอะไร
= คุณจะไปทำงานอะไรที่อเมริกา
= คู่หมั้นคุณพักทีไหน
= คุณเคยแต่งงานไหม คู่หมั้นคุณเคยแต่งงานนไหม คุณมีลูกหรือเปล่า คู่หมั้นคุณมีคู่หมั้นไหม
= คณอยากมีลูกกับคู่หมั้นคุณไหม

ก่อนจบการสัมภาษณ์ท่านถามว่าคุณรู้ใช่ไหมว่าจะต้องแต่งงานภายในเก้าสิบวันคุณห้ามอยู่อเมริกาเกินกำหนดนะ ถ้าคุณไม่แต่งงาน จากนั้นท่านก้อเปิดรูปภาพ ถามเกี่ยวกับรูปต่างๆที่ถ่ายกับแฟนอ่ะค่ะ จากนั้นท่านก้อคืนเอกสารให้และก้อบอกว่า ขอให้เราโชคดีค่ะ และก้อบอกว่า ผมให้วีซ่าคุณครับ มารับวันที่18 พ.ค จากนั้นแอนก้อไหว้งามๆ และขอบคุณท่านพร้อมยิ้มงามๆอีกครั้งท่านก้อยิ้มให้นะค้ะ วันนี้ท่านอารมย์ดี หลังจากนั้นแอนก้อหิ้วสัมภาระทั้งหลายกลับมานั่งที่ อยากจะกรี้ดให้หายบ้าไปเลยค่ะ โล่งซะที ตอนนี้ก้อกังวลว่าวันที่ 18นี้สถานทูตจะปิดไหมเนี่ย แฟนจองตั๋วแล้วค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าได้วีซ่า แอนจะบินวันที่ 20 พ.ค. นี้อ่ะค่ะ กลัวสถานทูตจะปิดยาวอ่ะค่ะ โชคดีที่แอนได้สัมภาษณืเมื่อวาน เพราะว่าวันนี้สถานทูตปิดไม่งั้นคงถูกเลื่อนสัมภาษณืไปอีก ไหนๆก้อรอมาถึงขั้นนี้แล้ว รออีกนิดคงไม่เป็นไร ปลอบใจตัวเองอ่ะค่ะยังไงก้อเอาใจช่วยเพือนๆทุกคนนะค้ะ

Fri May 14, 2010 4:17 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย

Joined: Tue Oct 20, 2009 4:59 am
Posts: 46
Location: USA
Post K1-2010 น้ำ May27,10 รับ Jun07,10 รวม 219 วัน
K1-2010 น้ำ May27,10 รับ Jun07,10 รวม 219 วัน

^:)^ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ http://www.usvisa4thai.com และขอขอบคุณกูรูทุกท่านๆ…วันนี้ที่รอคอย 27 พ.ค. 2553
โดยเฉพาะคุณแนท ที่ช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ละเอียด ทำให้เราสมัครและทำทุกอย่างสำเร็จด้วยตัวของเราเอง ไม่ต้องพึ่งคุณพี่ๆทนาย และคุณเมย์ข้อมูลการฉีดวัคซีนต่างๆ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และได้ข้อมูลได้ละเอียดมากๆค่ะ ^:)^

ขอขอบคุณคุณเดือน หัวหน้าห้องที่ช่วยอัพเดทข้อมูลต่างๆ คุณส้ม คุณรุ่ง คุณปู คุณอิ๋ว คุณเอื้อง คุณแอม คุณบุ้ม คุณแอนนา คุณพลอย คุณแอน_เลิฟ คุณแอน
พี่นิกกี้ คุณเปิ้ล คุณอุ๋ย ที่ให้กำลังใจดีๆเสมอมาและท่านอื่นที่ไม่ได้เอ่ยนาม =D> =D>

**เริ่มเล่าเลยล่ะกัน เนื่องจากบ้านไกลก็ออกจากบ้านตีสี่สี่สิบห้า และไปถึงสถานฑูตประมาณ 5:30 น. คิดว่าไปถึงเช้าแล้ว แต่ก็มีคนรอเข้าแถวประมาณ 10 คน ส่วนใหญ่มาขอวีซ่าท่องเที่ยว ก็ยืนรอประมาณ 6:30 น. สาวเสื้อม่วงออก เราก็ปรี่แตกแถวออกไปบอกว่า มาสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้น พร้อมหนังสือเดินทางและยื่นใบนัดที่เราได้รับทางอีเมล์ แล้วก็ได้เข้าไปเป็นคนแรกเลย

ฝากมือถือ/ร่ม/เครื่องคิดเลขพร้อมกับบัตรที่รูปของเราให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และล่งกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนก่อน จากนั้นเราเดินผ่านเครื่องสแกน เปิดประตูผ่านเข้าด้านใน แล้วมองหาหน้าต่างหมายเลข5 ตอนนั้นยังไม่เปิดไฟ แต่อ่านเจอว่าวีซ่าถาวร ก็เดาว่าหน้าจะมาถูกแล้ว รีบวางกระเป๋าเตรียมเอาเอกสารตัวจริง ผลตรวจสุขภาพที่ได้จากโรงพยาบาล และเอกสารความสัมพันธ์มารอ เพื่อจะยื่นให้เจ้าหน้าที่ทันที่เรียกให้ส่งเอกสารทันที

ถึงคิวตัวเองเริ่มยื่นเอกสารที่หน้าต่าง 5 โดยผลสุขภาพทั้งหมด ,เอกสารตัวจริง (ทำใส่แฟ้มเอาไว้มีครบทุกอย่าง) แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้เอาออกมาจากแฟ้ม โดยขอแค่ passport ใหม่/เก่า (ถ้ามี) , บัตรประชาชน ,ทะเบียนบ้านตัวจริง,ใบเกิดตัวจริง,ใบรับรองโสดตัวจริง เท่านั้นเอง แต่ว่าเหลือดีกว่าขาดค่ะ “คติพจน์สำหรับชาวเรา usvisa4thai.com” จากนั้นนั่งรอรียกชื่อ

***เอกสารสัมพันธ์ที่ยื่น คือ

    •รูปถ่ายคู่ปริ้นสีลงบนกระดาษ A4 และรูปถ่ายจากอัลบัมที่ไปเที่ยวด้วยกัน 2007-2008 พร้อมคำอธิบาย ประมาณ 21 รูป
    •ปริ้นรูปจากเว็บแคมที่ทำขณะแชทกับแฟนด้วยโปรแกรมของ Yahoo MSN ประมาณ 19 แผ่น
    •ปริ้นอีเมล์ที่ส่งถึงกันจาก inbox/sent แยกไปปีๆ (2007-2010) ประมาณ 7-8 ฉบับต่อปี
    •ปริ้นประวัติการแชท Yahoo MSN (2007-2010) ประมาณ 15 ฉบับๆละ 5-8 หน้า
    •เอกสารสำเนาความสัมพันธ์ของแฟนที่ส่งมาให้ เช่น postcards, e-mail, บันทึกการเบิกเงินATMของแฟนในเมืองไทยจากแบ็งค์ที่อเมริกา, 
    บันทึกการจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ผ่านโปรแกรม Skype program พร้อมกับแสดงหมายเลขโทรเข้าเอเมริกา, วัน เวลา ระยะเวลาที่ใช้
    •บิลค่าโรงแรมที่ไปพัก, บิลค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากเมืองไทย-อเมริกาของ True IDD Service ประมาณ 4 เดือน (ช่วงนี้โปรโมชั่นนาทีละ 3 บาท )

ระหว่างนั่งรอ ก็ได้คุยกับพี่ชื่อเอ อยู่บอสตัน นิวยอร์ค มาทำเรื่องให้ลูกสาวไปอยู่ด้วย พี่เค้าไปด้วยวีซ่าแต่งงานและอยู่ที่อเมริกามาแล้ว 5 ปี ขณะที่นั่งรอได้ยินเรียกชื่อของตัวเองเป็นคนแรก เวลา 8:45 น. ได้สัมภาษณ์ที่หน้าต่าง 6 กับคุณกงสุลผู้หญิงท่าทางใจดี ยิ้มหวานให้กับเราก่อน เราก็ยกมือไหว้แบบงามพร้อมกับภาษาไทย “สวัสดีค่ะ” ก็ให้เซ็นชื่อในฟอร์มต่อหน้ากงสุล แล้วยกมือขวาสาบานว่าทั้งหมดเป็นความจริง และตามด้วยการสแกนนิ้วซ้าย 4 นิ้ว นิ้วขวา 4 นิ้ว ตามด้วยมือโป้งทั้งสอง (ตื่นเต้นมากไป ทำผิดๆถูก สลับไปมา โก๊ะจริงๆ)

เริ่มคำถามค่ะ
คุณกงสุลพูดภาษาไทย ถามว่า “ คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม๊? .” I can speak a little bit.
การถามก็จะถามด้วยไทยและอังกฤษ ต้องย้อนถามคำถามใหม่หลายๆครั้ง เพราะว่าไม่ค่อยได้ยินชัด คุณกงสุลก็อธิบายคำถามเป็นภาษาไทยให้บ้าง แต่ก็พยายามตอบเป็นภาษาอังกฤษ

    - Can he speak Thai? 
    - How do you talk with him? 
    - What is his name?
    - How old is he?
    - What is his birthday?
    - How do you meet him? 
    - When do you meet in first? 
    - How many times do you meet him in person? When?
    - What does he do for work?
    - Where does he live?
    - Does he live with parents? 
    - Has he married? Has a kid?
    - Have you married? Have a kid?
    - Why did not you meet him almost 2 year ? i worked in Slovakia.
    - What did you do in Slovakia? …คุณกงสุลบอกว่า it’s very cool country.
    - What did your name company in Slovakia?
    - How long did you stay there?
    - When did you go in Slovakia? And when did you return back home?
    - Why did you back home? 
    - what do you do for work now?

หลังจากนั้นคุณกงสุล สอดเอกสารตัวจริงบัตรประชาชน ,ใบเกิด, ทะเบียนบ้าน ,สำเนาใบรับรองโสดคืน และตามด้วยเอกสารความสัมพันธ์ทั้งหมด (ในใจคิดว่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเนี้ยะ!) แต่เก็บใบรับรองโสดตัวจริงไปเลย

แต่ก็เห็นคุณกงสุลท่านหยิบและเขียนบนกระดาษสีขาว และพูดว่า “Congratulation” หยิบขึ้นมา โชว์ยิ้มหวานเลยค่ะ :D ขอบคุณค่ะ
และให้มารับวีซ่าในวันที่ 7 มิถุนายน 2553 และบอกว่าในจันทร์หน้าหยุดค่ะ 1 มิ. ย. 53 สุดท้ายก็ขอบคุณค่ะ อีกครั้ง ก่อนกลับก็ลาพี่เอกลับบ้าน แล้วค่อยไปปะกันที่เมืองลุงแซม

ออกมาจากสถานทูตประมาณ 9:10 น. เปิดโทรศัพท์หาแม่ทันที บอกข่าวดีคนแรก และต่อมาก็คุณแฟน ก็ใช้แผนถ่วงเวลาแกล้งเค้าสักหน่อย จนเค้าบอกว่า วันนี้คุณมีสัมภาษณ์ไม่ใช่รึ? ตอบว่า “Yes” แล้วเงียบไปนิดหนึง แล้วพูดเสียงดังว่า “ I get it ” เค้าตอบกลับมาและหัวเราะดีใจว่า “ I thought you get it”

***** เก็บตกจบแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ*****

ป . ล. ให้ส่งใบรับรองโสดตัวจริงมาพร้อมกับ packet 3 เลยค่ะ ตอนแรกส่งเป็นสำเนามาค่ะ

Timelines K1 Visa 

Process of K1 Visa (Nammie = 219 Days )

    11-05-2009 - Send I-129F to USCIS ,CA.
    11-09-2009 - NOA1 Receipt Date 
    11-18-2009 - Received NOA1 by mail
    02-18-2010 - NOA2 Approved Date ( 98 Days)
    02-26-2010 - Received NOA2 by mail 
    03-04-2010 - US citizens got Case Number 
    03-16-2019- Go to hospital to exam medical health 
    (it was problem to await LAB Testing =2 months)-->Delayed
    03-17-2010 - Received Package 3 by mail
    04-19-2010 - Send Package 3 back to US Embassy 
    04-23-2010 - Got Package 4 by e-mail from US Embassy
    05-23-2010- Got a result of LAB Testing and exam medical health by hospital
    05-27-2010 - Interview date at 7:00 am 
    06-07-2010 - Pick up visa
Total time: 7 months 3 days

Thu May 27, 2010 12:29 pmProfile YIM

แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Fri Jan 08, 2010 1:22 am
Posts: 30
Location: Gillette, Wyoming
Post K1-2010 นก Jun02,10 รับวีซ่า Jul14,10 เพาะเชื้อ TB 2 เดือน
K1-2010 นก Jun02,10 รับวีซ่า Jul14,10 (เพาะเชื้อ TB 2 เดือน)

วันนี้ไปนั่งรอตั้งแต่เช้าค่ะ แต่ทำใจแล้วว่าวันนี้ยังงัยก้อยังไม่ผ่านค่ะ เพราะว่าต้องรอผล medical exam ก่อนค่ะ

เขาก็สัมภาษณ์ปรกติ ค่ะ แต่จะสักถามมากหน่อยเพราะว่าแฟนไม่ได้มาหา 2 ปีแล้วค่ะ เขาถามว่าพูด English ตอบ yes i can ค่ะ ต่อจากนั้นก็ใสาเป็นชุด ค่ะ คนสัมภาษณ์เป็นผู้หญิงค่ะ

เจอกันยังงัย ที่ไหน เมื่อไหร่ เมื่อไหร่ วันแรก ล่าสุด
ลูกคนโต อายุเท่าไร มีลูกกี่คน
คบกันมานานเท่าไร
เขาถามว่าเราไม่ได้เจอกันมา 2 ปี?? แต่เราบอกว่าเจอกันทุกวันค่ะ on skype and email everyday อิอิอิ
เขาถามแฟนอยู่รัฐอะไร เราตอบ Wyoming ค่ะ เขาบอกว่ามันหนาวมาก มาก เราตอบว่า my boyfriend told me him will makes me warm อิอิอิ เธอหัวเราะค่ะ

วันนี้ใบรับรองโสดก็ไม่มี ค่ะ เพราะทำไม่ทัน แต่คิดว่าถ้าขอเพิ่ม ก็จะส่งไปพร้อมกับใบรับรองแพทย์
email 20 ใบ ค่ะ,รูปก็ไม่เยอะมากเพราะเวลาไปเที่ยวไปกัน 2 คน ผลัดถ่ายค่ะ แต่ก็มีเอกสารการจ่ายเงิน Hotel, shopping,ใบโอนเงินค่ะ มีอะไรพกไปหมดถึงแม้จะน้อย ก็กังวลมันกันค่ะ จะไม่พอเพราะน้อยมากค่ะ ให้ coppy ไปไม่เอาค่ะเอาของจริงค่ะ แถมเอาใบเปลี่ยนชื่อ ใบรับรองสถานที่เกิด เป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ เราบอกว่าเราส่งไปแล้วเขาบอกว่า ที่เขายังไม่มี เขาจะเอา ดูสิค่ะ ดีนะที่นกเอาไปทั้งหมดไม่รู้อะไรมั้งเอาไปหมดค่ะ

เพื่อนอย่าลืมติดไปนะเผื่อขอค่ะ สรุปเขาบอกว่าวันนี้เอกสารเคลียร์ค่ะ สัมภาษณ์ผ่านไม่มีปัญหาค่ะ แต่รอใบ medical exam ค่ะ เพราะว่าเป็น TB มาก่อนค่ะ เพาะเชื้อ 2 เดือนค่ะ ตอนนี้เหลืออีก 1 เดือนค่ะ
ขอบคุณนะค่ะสำหรับเพื่อน เพื่อนทุกคนค่ะที่ให้การช่วยเหลือค่ะ

case ของพี่เขาเอาค่ะ ใบเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไมต้องเอา ดีนะค่ะ coppy ไป ด้วย แต่ใบรับรองโสดไม่ได้เอาไปค่ะ ทำไม่ทัน แต่เขาก็ไม่ได้ขอค่ะ แต่เอาไปกันไว้ก็ดีนะค่ะ จะไม่เสียเวลาค่ะ

ตอนนี้ได้ผลmidical exam แล้วค่ะ นัดรับ visa วันที่ 14 นี้ค่ะ

Wed Jun 02, 2010 12:45 pmProfile

แจมบ่อย
แจมบ่อย
User avatar

Joined: Tue Feb 10, 2009 5:17 pm
Posts: 306
Location: Bend Oragon
Post K1-2010 เปิ้ล Jul01,10 รับวีซ่า Jul08,10 Jointsponsor@CO
K1-2010 เปิ้ล Jul01,10 รับวีซ่า Jul08,10 Jointsponsor@CO แฟนเป็นนักเรียน

สวัสดีค่ะ พี่ๆ เพื่อนๆวันนี้เปิ้ลไปสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นมาเเล้วค่ะ ขอบคุณ พี่ ๆทุกคนที่เว็บนี้นะค่ะ ช่วยให้ เปิ้ลได้ไปอยุ่กับคนที่เปิ้ลรัก ขอบคุณทุกกำลังใจ เเละคำอวยพรนะค่ะ

วันนี้ เปิ้ลตื่นตั้งเเต่ ตี 4 ค่ะ เเต่ออกจากห้อง ตอนตี 5 นั่งเเทกซี่ไปค่ะ ใช้เวลา เเค่ครึ่งชั่วโมง มีคนมารอ 3-4 คนยังเช้ามากเเละฝนตกด้วย จากนั้น 6.30 ประตูเปิด เปิ้ลเป็นคนเเรกที่เข้าไปวันนี้เลยค่ะ พอไปถึงรอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเอกสาร เเล้วรอจ่ายเงินเพิ่มอีก $ 219 (7227 บาท) ค่ะ เเล้วนั่งรอเรียกชื่อสัมภาษณ์ เปิ้ลสัมภาษณ์ เกือบ 10 โมงค่ะ เพราะ เคสเเรกกับเคสที่ 2 ใช้เวลาเกือบ 2ชั่วโมง นั่งรอไปเรื่อยๆๆ ใจเต้น เริ่มกลัวด้วย เเละวันนี้คนเยอะมากวันนี้มีคนสัมภาษณ์วีซ่า ถาวรกะคู่หมั้นไม่เยอะ เเต่ท่องเที่ยวเกือบ 400 คน เปิ้ล สัมภาษณ์กับ ผู้หญิงนะค่ะ ช่อง 6 ใจดีมากก พุดไทยได้ด้วย
คำถามของเปิ้ล เค้าไม่พูดถึงเรื่อง joint sponsor เลยนะค่ะ เปิ้ลใช้ เพราะเเฟนเรียนอยู่

1 what is your fiance's name?
2 how old is he?
3 when do you meet him?
4 why are you getting married so fast?
5.why did you get divorce?
6 when are you planning to get married?
7.where will you get married?
8.did you meet his family?
9.did your fiance meet your family?
10 does your fiance have any brothers or sisters?
11. when will you fly to The USA?
เเค่นี้อ่ะค่ะ กังวลเรื่อง joint sponsor มากๆๆๆๆ เเต่ไม่ถาม เเล้วบอก ว่า ได้วีซ่าไปเเล้ว ต้องเเต่งงานภายใน 90 วัน
ให้มารับวีซ่า วันที่ 8 ค่ะ

มีความสุขมากกๆ เลยค่ะ

K1 california ka
3 March 2010--- sent - I 129F 
10 March 2010--- got - noa1
26 April 2010 --- Approved == 47 days==
1 May 2010 --- Got Noa2
6 May 2010 --- NVC got case number
14 May 2010 --- got case number
19 May 2010 --- NVC send case number to U.S.Embassy in Bangkok
24 May 2010 --- Us Embassy got case i lnow that because i tracking by DHL
2 June 2010 --- Packet 3 by email....
3 June 2010 --- Send Packet **will send tomorrow **
9 June 2010 --- Packet 4 
1 July 2010 --- Interview and i get the visa
Omg i got the visa
119 days
waiting for my visa next week July8

Thu Jul 01, 2010 7:27 amProfile

สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่

Joined: Sun May 16, 2010 12:49 pm
Posts: 2
Post K1-2010 บุ๋ม Jul06,10 รับ Jul13,10
K1-2010 บุ๋ม Jul06,10 รับ Jul13,10

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆๆ พี่ทุกคน บุ๋มได้สัมภาษณ์วันที่ 6 july ค่ะ เวลา 13:00 ถานทูนบอกว่าให้ถึง 07:30 เพื่อส่งเอกสาร
บุ๋มก็ไปถึง 07:00 ก็มีคนรอต่อคิวอยู่มากทีเดียว มองหาคนที่ถือฟิล์มเหมือนเรา เจอคนนึงก็เข้าไปทักชื่อว่า พี่หมวยค่ะ พี่หมวยก็ผ่านเหมือนกันค่ะ
พอทักทายกันเสร็จ บุ๋มก็บอกว่า มาสัมภาษณ์ K1 เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปเลย ฝากของแล้ว ก็ตรงปรี่ไปเลยที่หน้าต่าง 4 และ 5
ยื่นเอกสารค่ะ เอกสารความสัมพันธืของบุ๋ม ค่อนข้างพร้อม และครบถ้วน พร้อมทั้งจัดหมวดหมู่ เข้าเล่ม ไปอย่างดี

เอกสารความสัมพันธ์มีดังนี้ค่ะ

รูปถ่าย ประมาณ 60 รูป ประใส่ A4 แผ่นละ 2 รูป พร้อมคำบรรยาย สั้น ง่าย ได้ใจความ
หน้า facebook ของบุ๋มและแฟน status ยืนยันใน facebook ว่าเราหมั้นกันแล้ว
เมลที่ส่งหากันใน facebook
ข้อความที่บรรดาเพื่อนๆๆ เรากับแฟน congratulation ให้เราบน facebook
หน้า inbox - outbox ของ hotmail
อีเมลที่แฟนส่งหาเรา และ เราส่งหาแฟน ปริ้นออกมาเป็นตัวอย่างประมาณ 15 ใบค่ะ
certificate ของแหวนหมั้น
card ที่แฟนส่งมาให้
e-card ที่แฟนส่งมาให้
email จากคุณแม่และพี่สาวแฟนส่งหาเรา
หน้าพาสปอร์ตที่แฟนเดินทางหา ทั้งหมด 5 ครั้ง (รู้จักกันมา 1 ปีครึ่งค่ะ)
air ticket ที่เราไปเที่ยววต่างจังหวัดกันค่ะ

เอกสารความสัมพันธ์เข้าเล่มไปอย่างดี ขอบอกว่า เหมือนเยอะ แต่ไม่เยอะนะคะ 3 แฟ้มเล็กๆๆ เท่านั้นเอง แต่เอกสารทุกอย่างและรูปถ่ายล้วนแต่มีคุณภาพทั้งนั้น คือใครดูก็รู้เลยว่าเรา รักกันจริงจังหน่ะค่ะ

เริ่มบทสัมภาษณ์กันเลยนะคะ เวลาประมาณ 13:15 มีคนรอสัมภาษณ์ K1 หกคนค่ะ บุ๋มได้สัมภาษณ์เป็นคนแรก ไม่ค่อยตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าเตรียมตัวมาดี
ไปยืนรอที่หน้าต่าง 6 กงศุลผู้หญิง ใจดี ยิ้มเก่ง บุคลิคท่าท่างเป็นกันเองทำให้เราไม่เกร็ง
ท่านให้สาบาน ให้สแกนนิ้ว เราก็ทำไป อย่างง่ายดายค่ะ
จากนั้นท่านก็เปิดูรูปถ่ายค่ะ ทุกรูปเลย หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย ดูไปยิ้มไป
แล้วท่านก็มาอ่าน email ที่เราพิมพ์ส่งไป ท่านก็ยิ้มและถามว่า

พูดกับคู่หมั้นเป็นภาษาอะไร เราบอกพูดอังกฤษจากนั้นท่านก็ speak english เลยค่ะ แปลเป็นไทยได้ดังนี้ค่ะ
แฟนชื่อว่าอะไร
เรียกแฟนว่าอะไร
แฟนอายุเท่าไหร เราอายุเท่าไหร่
แฟนทำงานอะไร เราทำงานอะไร
รู้จักได้ยังไง เจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่ แฟนมาหาแล้วกี่ครั้ง
จะแต่งงานเมื่อไหร่
แล้วท่านก็ชมว่า เอกสารเรา เรียบร้อยมาก ค่ะ
เสร็จแล้วท่านก็คืนเอกสารมาเรื่อยๆๆๆ และบอกว่า เรียบร้อยแล้ว มารับวีซ่าได้ในวันอังคารหน้าบ่ายสามโมง

แค่นี้เองค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่ะ ทำให้บู๋มรู้ว่า เอกสารพร้อมอะไรก็ง่ายไปหมด

ขอบคุณเวปไซด์นี้มากค่ะ ขอบคุณทุกๆๆกำลังใจ ขอบคุณพี่แนท พี่แพร น้องเปิ้ล และทุกๆๆคนที่ให้กำลังมาโดยตลอด
ขออวยพรให้ทุกคนโชคดีค่ะ

บุ๋ม ยังต้องทำงานอยู่ที่กรุ่งเทพอยูจนถึงสินเดือน july ค่ะ ต้องเคลียงานและเทรนคนใหม่ก่อน แล้วก็จะเดินทางประมาณ 10 สิงหาค่ะ ไปอยู่ที่ฟิลาเดลเฟียค่ะ

timeline ค่ะ

Dec 4,09 เริ่มส่งเรื่องค่ะ
Dec 11,09 Receipt Notice
Apr 14,10 Approval Notice
Apr 20,10 แฟนได้รับ case number
May 19,10 ได้รับ packet3
Jun 9,10 Return packet3
Jun 30,10 ได้รับ packet4 ทาง email และเจ้าหน้าที่ที่สถานทูนก็โทรมาแจ้งด้วยค่ะ
July 6,10 interview
July 13,10 จะไปรับ วีซ่าค่ะ

Tue Jul 06, 2010 4:09 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Fri May 21, 2010 8:17 am
Posts: 46
Post K1-2010 เปิ้ล Jul29,10 รับ Aug05 @Westwood,LA,CA
K1-2010 เปิ้ล Jul29,10 รับ Aug05 @Westwood,LA,CA

ก่อนอื่นเลย เปิ้ล ต้องขอขอบคุณ พี่แนท พี่บุ๋ม เพื่อนปุ๊ก น้องจ๊อยซ์ ที่คอยให้กำลังใจและคำแนะนำเสมอนะคะ
ขอขอบคุณ website usvisa4thai แห่งนี้ที่ทำให้ เปิ้ล ได้รูจักเพื่อนและพี่ ดีๆ น่ารักๆ หลายๆคน
และขอขอบคุณสำหรับทุกประสบการณ์ที่พี่ๆ เพื่อนๆ ได้โพสต์เอาไว้ เพื่อเป็นแนวทาง
ให้อ่านให้ศึกษาขั้นตอนการทำวีซ่าด้วยตัวเอง ขอบคุณมากๆเลยค่ะ


เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ นี่เป็นประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นของเปิ้ลเมื่อวานนี้ค่ะ (ฮา มากๆๆ)
ทางสถานทูตนัดส่งเอกสาร เวลา 7.30 น.ค่ะ
เรื่องก้อมีอยู่ว่าพี่แท็กซี่ขึ้นทางด่วนแล้วลงผิดค่ะ ฮ่าๆๆ ต้องขึ้นทางด่วนใหม่ ฝนก้อตก รถก้อติด แบบว่าครบสูตรเลย
แต่โชคดีของเปิ้ล เพราะ ไปจอดเทียบหน้าสถานทูตตรงเวลาเป๊ะ เจ็ดโมงเช้าครึ่ง แบบว่าใจเต้นตูมตามเลยค่ะ
ลงจากแท็กซี่ เกิดอาการงง เล็กน้อย สถานทูตอเมริกา จริงเหรอ (ทำไมเล็กจัง พี่แท็กซี่จอดรถผิดฝั่งรึเปล่าเนี่ย แว่นก้อไม่ได้สวมไป อ่านอะไรก้อไม่เห็น )
(ที่สงสัยตัวเองว่าลงถูกที่มั๊ย เพราะว่า วันนี้ ฝนมันตกพรำๆ คนต่อคิวน้อยค่ะ ประมาณสิบกว่าคน ยืนไม่เป็นระเบียบด้วย ไม่เห็นเหมือนที่พี่โน๊ตอุดมบอกเลย )
แต่สังเกตุเห็นสาวเสื้อม่วงน่ารักๆสองคนกำลังเดินดูอะไรซักอย่างกับคนที่เข้าแถว(ไม่เป็นระเบียบ) ก้อโล่งใจว่าน่าจะถูกนะ
น้องเสื้อม่วง(กางเกงดำ)เดินมาถึงเปิ้ล เปิ้ลเลยได้โอกาสถาม K1 visa เข้าได้เลยมั๊ยค่ะ
น้องคนน่ารักบอกว่า อ๋อค่ะ เข้าได้เลยประตูตรงกลาง
เดินอย่างมั่นใจ และก้อหยุดงง เอ๊ะ อันไหนมันตรงกลาง เพราะเห็นแค่สองประตู
(อีกประตุหนึ่ง คนต่อแถวยีนบังอยู่ค่ะ ฮ่าๆๆ) ก้อเลยยีน เก้ๆกังๆ อยู่สามวินาที
จนน้องเสื้อม่วงอีกคน เรียกกลับมาดูวันนัดสัมภาษณ์ พร้อมหันไปเอ็ดน้องคนแรกที่บอกให้เราเข้ามาได้ ว่าทีหลังขอดูวันนัดด้วยนะ (ว้า น่าสงสารน้องเค้าจัง)
พอเจอประตูตรงกลาง และเข้าไปแล้ว ก้อฝากของไว้กับเจ้าหน้าที่เสื้อสีฟ้าๆ คล้ายๆ รปพ ฝากทรศัพท์มือถือ ร่ม
และก้อบัตรอะไรก้อได้ที่ไม่ใช่บัตรประชาชนที่มีชื่อเรา จากนั้นก้อรอเข้าคิวเข้าเครี่องสแกน พอผ่านเข้าไปได้ ก้อเดินผ่านทางเดิน open air ไปประมาณ 20 เมตร
เจอประตูไม้เก่าๆ ให้เข้าไปในนั้นเลยนะคะ อย่าทำเหมือนเปิ้ลล่ะ เพราะเปิ้ลไปยืนต่อแถวตรวจเอกสารกับคนที่ขอวีซ่าชั่วคราวประเภทอืนๆ ฮ่าๆๆ
แบบว่าตลกมากเลย ดีนะที่ตอนนั้นแถวไม่ยาว ต่อแถวจนเหลือสามคนข้างหน้า
เปิ้ลก้อได้ยินเสียงประกาศว่า "วีซ่าถาวรและวีซ่าคู่หมั้น กรุณายื่นเอกสารที่หน้าต่างหมายเลข 4 ค่ะ"
เปิ้ลก้อรอค่ะจนถึงคิวก้อเดินไปถามเค้าว่า "หน้าต่างช่อง 4 อยู่ตรงไหนค่ะ"
สาวสวยเสื้อม่วงก้อชี้ไปบอกว่า เดินเข้าประตูไปเลยค่ะ เดินไปเกือบถึง ก้อยังไม่รู้ว่าไหนอ่ะประตู (สายตาสั้นอย่างแรง ฮ่าๆ)
เลยเดิน งงๆ กลับมาถามอีกรอบ น้องเสื้อม่วงทำหน้าเซ็งเลย ฮ่าๆๆ[/b]
ทีนี้พอเข่าไปได้แล้วก้อไปสร้างวีรกรรมต่อที่ข้างใน แบบว่าเจอ หน้าต่างหมายเลข 4 แล้ว แต่ไม่มีคน (อ้าว เพิ่งประกาศให้มายื่นเมื่อกี้นี่เอง)
ยืนงงอยู่นานหนึ่งนาที ยืนอยู่ตรงนั้นมันเด่นมากเลยค่ะ แบบว่าทุกคนนั่งกันหมด แลเวจ้องมาที่เรา (แบบว่า แกยืนทำอะไรเหรอ)
โชคดีมีเจ้าหน้าที่สาวสวยเดินผ่านมาเลยถาม เค้าชี้ไปทั้โทรศัพท์ข้างเสา แต่ไม่พูดอะไร และเข้าห้องไปเฉยๆ
เราก้อเลยเดินไปดู ถึงเข้าใจ ว่า อ้อ มีหมายเลขให้โทรตามเจ้าหน้าที่ โทรไปมีคนรับสาย
แล้วเจ้าหน้าที่ก้อมารอที่หน้าต่างหมายเลข 4 รับเอกสารตัวจริงที่เราเตรียมไปค่ะ
-ใบเกิด
-ทะเบียนบ้าน
-บัตรประชาชน
-ใบเปลี่ยนชื่อ
-พาสปอร์ต
เจ้าหน้าที่ก้อถามเรื่องว่าเราส่งนู่น ส่งนี่แล้วรึยัง เราก้อตอบไปอจากนั้นก้อเซ็นซื่อใน ds 156k
แล้วเค้าก้อให้เราเอากระดาษเล็กๆใบขาวๆไปยื่นชำระเงินเพิ่มอีก 7227 บาทที่แคชเชียร์
ชำระเรียบร้อย ก้อนำใบเร็จมายื่นที่หน้าต่างหมายเลข 4 อีกครั้ง
แล้วเจ้าหน้าที่ก้อให้กลับมาใหม่ตอน 12.30 น.จ

เรื่องฮาๆ วันสัมภาษณ์วีซ่าของเปิ้ล .. ตอน 2

อ้อข้างบนเล่าข้ามไป หนึ่งช็อตค่ะ พอยื่นเอกสารตัวจริงเสร็จ เจ้าหน้าที่ถามหาเอกสารความสัมพันธ์ค่ะ
เปิ้ลก้อ ยกขึ้นมา (ใช้คำว่ายก เพราะว่ามันหนัก 7 กิโลกว่าๆ กรุณาอย่าเลียนแบบนะคะ มันเยอะเกินไป เปิ้ลเป็นพวก "เผื่อไว้ก่อน" เลยแขนแทบหัก)
เป็นแฟ้มปกอ่อนสองเล่ม ปกแข็งสามเล่ม มี index พร้อม เพื่อจะได้ดูง่ายๆๆ (ขอบคุณพี่บุ๋มที่ให้ก๊อบไอเดียดีๆแบบนี้นะคะ :-) )
เจ้าหน้าที่เห็นเอกสารแล้วทำหน้าอ่อนใจ ถามว่าไอ้เล่มหนาอันล่างสุดนั่นอะไรค่ะ เราตอบว่า อ๋อ อีเมลล์ค่ะ คัดมาแล้ว (ว่าหวาน มดตอม)
เจ้าหน้าที่บอกว่า เล่มนั้นเก็บไว้ก่อนนะคะ ส่งเฉพาะสี่เล่ม ข้างบน
(ไอ้เราก้องงว่า อ้าวทำไมไม่เอาไปให้หมดล่ะ เอาไปหมดก้อได้นะ มันหนักอ่ะ อ่านได้ๆ เราไม่เขินหรอก)
แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก้อรับแค่สี่เล่ม แบบว่าต้องเปิดประตูรับกันเลยทีเดียว (คนอื่นๆเค้ายื่นผ่านช่องข้างล่างหน้าต่างให้เจ้าหน้าที่)
ส่วนอีกหนึ่งแฟ้มเลยต้องหิ้วออกมาด้วย (หนักมาก)

ออกมานั่งรอที่เดิม มีกาแฟ ดอยตุง ขายด้วยค่ะ bakeryก้อมี น้องคนขายบอกว่าเอาเข้าห้องทานตอนรอสัมภาษณ์ได้
เปิ้ลซื้อชามาทานกะขนมหวานที่เตรียมมาแล้วก้อนั่งรออยู่ข้างนอกนั่นเอง
นั่งได้ซักพัก ก้อมีเด้กนักเรียน และคนชราหลงทาง มาถามทางอยู่เรื่อยๆ ขอยืมปากกาก้อมี นั่งอยุ่ดีๆก้อได้ทำบุญ
สุดท้ายนี่มาแปลก ขอยืมตังค์ 30 บาท (น้องเค้าเอาตังค์มาไม่พอค่ะ สงสัยลืมหยิบมา น่าสงสารค่ะมาคนเดียว หน้าซีดเลย)
ก้อเลยให้ไป 40 บาท บอกว่าไม่ต้องคืน (เพราะไม่รุ้จะคืนกันยังไง)
น้องเค้าก้อทอนมา 10 บาท โห บอกแล้วว่าไม่ต้องทอนก้อได้ แล้วน้องจะกลับบ้านยังไงเนี่ย ห่วงจัง

นั่งอยู่ตรงนั้น จนรู้จักพี่คนหนึ่งที่มาขอวีซ่า k1 เหมือนกัน ชื่อพี่อ้อน ค่ะ
พี่เค้าบอกว่าน้องเปิ้ล เราไปขอเสื้อม่วงเค้ามาใส่กันเถอะ
วันนี้ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ให้ สถานทูตอเมริกา ครึ่งวัน
แบบว่า ใครเข้ามาเค้าก้อถามทางกันเกือบทุกคนเลย ฮ่าๆๆ ความคิดดีอ่ะพี่อ้อน
นั่งอยุ่ด้วยกันอยุ่ครึ่งวัน พี่อ้อนเก็บตังค์บนพื้นได้ สองครั้ง โห ตาดีมากๆๆ
นั่งคุยกันไปซักพักเริ่มไม่มีเรื่องคุย ออกไปข้างนอกก้อไม่ได้ ฝนตก ก้อเลยนั่งถามคำถามที่เปิ้ล list ไป
ทนายของพี่อ้อนซ้อมให้ครั้งเดียวเอง น่าสงสารจัง(เก้บตังค์แฟนพี่เค้าไปตั้งหลายหมื่น)
ถามกันไป ถามกันมา ลดความตื่นเต้นจนใกล้เวลา ก้อเเลยเข้าห้องสัมภาษณ์
ตอนบ่ายมีสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้น 7 คนค่ะ (หญิง 5 ชาย 2) สัมภาษณ์ที่หน้าต่างหมายเลข 6
ผุ้หญิงสองคนแรกสัมภาษณ์ประมาณ คนละ 10 นาที แบบเงียบๆ
ผ่านทั้ง สองคนค่ะ พอท่านกงสุลเรียกชื่อคนที่สาม แบบไม่ทันตั้งตัว อ้าวมันชื่อเรานี่นา..

(ง่วงจัง ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยว มาเล่าต่อตอนที่ 3 นะคะ)

เรื่องฮาๆ วันสัมภาษณ์วีซ่าของเปิ้ล .. ตอน 3 มาแล้วจ้า :X

กลับมาเล่าต่อแล้วค่ะ :D
เมื่อคืนเป็นคืนแรกเลยที่เปิ้ลหลับสนิท i-)
หลังจากอาทิตย์ที่แล้ว หลับๆตื่นๆทั้งอาทิตย์ แบบว่าตาโบ๋ @-) สิวขึ้นเต็มเลย :-B

เอ้าเล่าต่อเลยนะคะ พอเปิ้ลได้ยินได้ยินท่างกงสุล เรียกชื่อก้อรีบลุกไปที่หน้าต่าง 6 แบบกล้าๆกลัวๆ
เดินไปถึงก้อสวัสดี ท่าน แบบงามๆ ย่อเข่าด้วยค่ะตอนนั้น มือเย็น ลมจะจับเอาให้ได้เลยทีเดียว
ท่างกงสุลเป็นผู้หญิง ค่ะ ท่านรับไหว้เปิ้ล แล้วยิ้มตอบด้วย ว้าวๆๆ กำลังใจมาเป็นกองเลย

ตอนแรก ท่านกงสุลพูดไทยกับเปิ้ลค่ะ ถามว่าชื่ออะไร เปิ้ลก้อตอบท่านไป
จากนั้น ท่าน ให้ยกมือซ้ายสี่นิ่วไปวางที่เครื่องสแกนเล็กๆด้านขวามือ
ตามด้วย นิ้วข้างขวาอีกสี่นิ้ว จากนั้นนิ้วหัวแม่มือทั้งซ้ายและขวาพร้อมกัน

และถามเราว่า คุณสาบานว่าจะพูดแต่ความจริงมั๊ย เปิ้ลตอบว่า สาบานค่ะ
แล้วท่านก้อให้เราเซ็นชื่อลงในแบบฟอร์มอะไรซักอย่างค่ะ จำไม่ได้แล้ว

จากนั้น คำถามแรกก้อตามมา ท่านถามไป พิมพ์ไปค่ะ
-คู่หมั้นคุณชื่ออะไรค่ะ เปิ้ลก้อตอบไป
-คู่หมั้นคุณพูดไทยได้มั๊ย เปิ้ลตอบไปว่า ได้นิดหน่อยค่ะเพราะเพิ่งหัดเรียน
-งั้นคุณก้อพูดภาษอังกฤษกับแฟนคุณใช่มั๊ย? เปิ้ลตอบว่า ค่ะ
ท่านกงสุลว่า "โอ้ ดีเลย เรามาสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษกันนะ..
อ้าวเปิ้ล งานเข้า (ฮ่าๆๆ ความจริงก้อเตรียมตัวมาแล้วค่ะ แต่ก้อแอบหวั่นๆ)

คำถามภาษาอังกฤษมาแล้วค่ะ
-How you met your fiance?
-How old is he? แล้วท่านก้อมองหน้าเรา เปิ้ลตอบไปว่า 49 ปี
ท่านก้อว่า "he is very old for you" แล้วท่านก้อยิ้ม ตามด้วยขำค่ะ
ทีนี้ ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ ผ่านไมค์ แบบว่าคนได้ยินกันทั่วห้องสัมภาษณ์ ฮ่าๆๆ
เราเขินน่ะ หน้าร้อนหมดเลย ตอนนั้นคงจะแดงมากๆ แล้วก้อขำไปกับท่านด้วย หัวเราะเสียงดังเลย
จากนั้นเปิ้ลก้อตอบท่านว่า "no no for me he is very young" ท่านยิ่งขำไปใหญ่
แล้วท่านก้อถามว่า "how old are you?" เปิ้ลตอบว่า 29 ปี
ท่านก้อว่าพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า นั่นไหมล่ะ คู่หมั้นคุณแก่กว่าคุณตั้งแยอะ ฮ่าๆๆ

พอดีแฟนเปิ้ลเกิดที่อิหร่านค่ะ คำถามต่อไปคือ -how many language he can speak?
เปิ้ลก้อตอบว่า "English Spanish and Arabic"
ท่านก้อว่า "oh he can speak Spanish...and no it 's not Arabic it's...(อะไรซักอย่างฟังไม่ทัน) for Iranian..
เปิ้ลก้อเหวอ อ้าวเหรอค่ะ "oh..i am sorry..i don't know" แล้วท่านก้อยิ้ม
-What is his job? เปิ้ลก้อตอบไป....
-What is your job? เปิ้ลก้อตอบไป...
-Have you ever been marry before? เปิ้ลก้อตอบไป .....
-And your fiance,he has ever been marry before?
-How many kids he has?
-How old are they?
-Are they married?
-Oh!! so you are going to be their step mom? haha (ท่านหัวเราะอีกแล้ว)
-what is your Fiance 's religion?
แล้วท่านก้อหยิบเอกสารความสัมพันธ์ปึกใหญ่ขึ้นมาดูค่ะ เปิดดูบิลค่าโทรศัพท์ ผ่าน
เปิดดู พวก การ์ดต่างๆ ตั๋วเครื่องบิน รูปของขวัญที่แฟนส่งมา ประวัติการ chat ผ่าน skype ..
ท่านดูไปยิ้มไป บอกว่า so cute ( ทำเอาเปิ้ลเขิน :') )

แล้วมาหยุดตรงใบเสร็จค่าหมอ ถามว่า "What is this?" เปิ้ลก้อเล่าไป

จากนั้นท่านมาเปิดดูรูปพร้อมคำบรรยายที่เปิ้ลเขียนไปค่ะ
เป็นแฟ้มรูปที่ถ่ายตอนแฟนมาหาเปิ้ลแล้วเราไปเที่ยวกัน รูปตอนกินข้าวกับครอบครัวเรา
รูปที่ถ่ายตอน chat กัน รูปที่คุณแม่ของแฟนแวะมาทักทายเราตอนเรา chat
อันนี้ ดูทุกรูป ทุกแผ่น แล้วท่านก้อยิ้ม เพราะเปิ้ลเลือกรูป คุณภาพๆ ไป
แบบที่แสดงให้ท่านเห็นว่าเราเป็นคนรักกันนะ เค้ารู้จักพ่อแม่เรา เรารู้จักพ่อแม่เค้า
ลูกๆเค้ารู้จักเรา รูปทั้งหมดเปิ้ลเอาไปประมาณ 50 ใบค่ะ

เปิ้ลจะบอกว่า ท่านไม่ขอดู อีเมลล์เปิ้ลซักฉบับเลยค่ะ(หนักสองกิโลได้แฟ้มนี้ โธ่ถัง อุสาห์แบกไปด้วย )

ดูเสร็จท่านทำหน้าขรึม แล้วก้อพิมพ์อะไรซักอย่าง
แล้วพูดไปด้วยแบบไม่มองหน้าเราค่ะว่า "Everything look good but you need to go back to Buriram"

โอ้ แม่เจ้า ใจเปิ้ลหายวูบ หน้าเหลือสองนิ้ว มันแปลว่าอะไร เราโดนปฏิเสธวีซ่าเหรอนี่
แล้วท่านก้อหันไปหยิบกระดาษขาวมาเขียนอะไรซักอย่าง
ยิ้มแล้วส่งกระดาษขาวให้เปิ้ลแล้วบอกว่า " and you need to come back to Bangkok again on next Thursday to pick up your visa"

เท่านั้นแหละค่ะ เปิ้ลยิ้มหน้าบานเลย :D อยากร้องไห้ก้ออยากร้องไห้ :(( ดีใจจริงๆๆ
ขอบคุณและสวัสดีท่านไปสองรอบงามๆๆ แล้วรีบลาท่านจากหน้าต่างช่องหก

กลับมานั่ง หน้ายังบานอยู่ :D รอเพื่อนๆร่วมชะตาอีกสองคน จนเค้าสัมภาษณ์เสร็จกันหมดค่ะ
ตอนบ่ายวันนั้น K1 visa สัมภาษณ์ 7 คน ผ่าน 6 รอส่งเอกสารเพิ่ม 1 คน ค่ะ

เปิ้ลส่งเอกสารทุกอย่างกลับไปพร้อมกับ packet 3 เลยท่านกงสุลเลยไม่ได้ขอเอกสารอะไรเพิ่ม
เปิ้ลรับราชการค่ะสิ่งที่เปิ้ลส่งเพิ่มไป (คิดเอง ส่งเพิ่มเอง อีกแล้ว ฮ่าๆๆ) ก้อมี ดังนี้ค่ะ
-ใบรับรองเงินเดือนและรับรองการทำงานจากต้นสังกัด ใบจบจากมหาลัย ใบผลการเรียน
ส่วน tax return ของแฟน ใช้ปีเดียวค่ะ ของปี 2009
ตอนแรกก้อแอบกังวลเหมือนกันว่าจะถูกขอเพิ่ม แต่ท่านกงสุลก้อไม่ขอ ดีจังเลย

เพื่อนๆ ตรวจสอบรายละเอียดเรื่องรายได้ขั้นต่ำต่อปีของแฟนไปดีๆนะคะ
ว่าแฟนของเราควรมีรายได้ประมาณเท่าไร ถ้านับรวมเราเข้าไปด้วย
เพราะพี่ที่สัมภาษณ์วันเดียวกับเปิ้ล เค้าติดส่งเอกสารเพิ่ม
ก้อเพราะว่ารายได้รวมต่อปีกับทรัพย์สินของแฟน ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ


สรุปว่า พี่น้องประชาชนที่สัมภาษณ์วันนั้นรู้หมดเลยค่ะว่าเปิ้ลมีแฟนแก่ ฮ่าๆๆ
เปิ้ลนัดรับวีซ่า วันที่ 5 สิงหาคมนี้ค่ะ

เรื่องเล่าจบเท่านี้ค่ะ เปิ้ลเล่าทุกขั้นตอนแบบสนุกๆเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆเครียดกัน
โชคดีกันทุกคนนะคะ
/apple

หลังได้วีซ่า เปิ้ลถามเจ้าหน้าที่ว่า วันเดินทาง ต้องเอาเอกสารอะไรไปอีกมั่งค่ะ
เจ้าหน้าที่บอกว่า นอกจากวีซ่า เอกสารในซองสีน้ำตาล แล้ว
ให้เอาฟิล์มเอกซเรย์ ไปด้วยค่ะ


Last edited by Tassa_Hamid on Fri Jul 30, 2010 5:16 pm, edited 1 time in total. 
Fri Jul 30, 2010 5:03 pmProfile

สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่

Joined: Tue Jun 15, 2010 12:33 pm
Posts: 3
Post K1-2010 JJ (เจเจ) Aug24,10 รับ Aug31,10
K1-2010 JJ (เจเจ) Aug24,10 รับ Aug31,10

ในที่สุดก็สัมภาษณ์ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ต้องขอขอบคุณ พี่ Natty พี่เปิ้ล พี่บุ๋ม และทุกๆข้อมูลในเว็บนี้ ที่เป็นส่วนร่วมในการได้วีซ่าครั้งนี้ค่ะ

นัดสัมภาษณ์วันที่ 24 ส.ค. บ่ายโมงตรงค่ะ แต่ต้องไปส่งเอกสารตอน 7 โมงเช้า บ้านอยู่ที่โคราชค่ะ ออกจากโคราชตี 2 ถึงที่สถายทูต 6 โมงครึ่ง คิวยาววววมาก แต่รู้มาว่าวีซ่า K1 ไม่ต้องต่อคิว แต่ไม่ค่อยมั่นใจเลยได้รบกวนโทรหาพี่เปิ้ลแต่เช้าตรู่เลยเพื่อความชัวร์ พี่เปิ้ลก็แนะนำและให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้น ^^ เลยไปยืนด้านหน้ารอให้พนักงานมา ประมาณ 6.45 ก็มีพนักงานเสื้อม่วงออกมาถามใครทำวีซ่าถาวรให้เข้ามาก่อนได้เลย ก็เลยรีบเดินตามเข้าไปเลยค่ะ ยื่นเอกสารที่ช่อง 5 ชำระค่าธรรมเนียมเพิ่ม แล้วพนักงานก็บอกให้ไปทานข้าวแล้วก็เดินเล่นอีก 2 รอบ แล้วค่อยมารอสัมภาณ์ตอนบ่ายโมงตรง วันนี้มีคนมาสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นประมาณ 9 คนค่ะ รอบเช้า 4 คน รอบบ่าย 5 คน ก็เลยไปนั่งรวมกลุ่มกันสำหรับคนที่รอสัมภาษณ์รอบบ่าย ทำความรู้จักกัน เมาส์กันกระจาย แล้วก็อยู่ดูการสัมภาษณ์ของเพื่อนๆคนอื่นๆ รอบเช้า มีเพื่อน 1 คนไม่ผ่านค่ะ แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนกันเลย นั่งเฝ้าในห้องสัมภาษณ์จนบ่ายโมง รอๆๆเจ้าหน้าที่ไปพักกลางวัน การสัมภาษณ์รอบบ่ายได้เริ่มประมาณบ่าย 2 โมง คนแรกพี่เค้าจ้างทนายค่ะ และเอกสารแสดงความสัมพันธ์เยอะมากกกๆ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่พอสัมภาษณ์พี่เค้าเพิ่งรู้ค่ะ ว่าทนายไม่ได้ส่ง Tax return กับ I-134 ไปกับ P3 ก็เลยยังไม่ผ่านในวันนี้ต้องส่งเอกสารเพิ่ม พี่เค้าค่อนข้างหงุดหงิดพอสมควรในการทำงานที่สะเพร่าของทนายค่ะ ต่อมาเป็นชื่อของ JJ เองค่ะตื่นเต้นมากค่ะ แต่ก็เดินไปอย่างมั่นใจ สวัสดีและยิ้มทักทายเจ้าหน้าที่ เริ่มการสาบาน สแกนนิ้วมือ เซ็นต์ชื่อ แล้วก็เริ่มสัมภาษณ์ค่ะ

สรุปใจความได้ประมาณนี้ค่ะ
-แฟนชื่ออะไร
-แฟนพูดภาษาไทยได้มั๊ย
-เคยไปที่อเมริกาแล้วใช่มั๊ย
-อยู่นานเท่าไหร่
-วีซ่า J1 ปกติอยู่ได้ 1 ปี ทำไมถึงอยู่ ปีครึ่ง
-Host family ชื่ออะไร ,host family รู้จักแฟนเรามั๊ย
-ได้เจอครอบครัวของแฟนรึยัง
-มี plan แต่งงานเมื่อไหร่,ที่ไหน
แล้วท่านก็บอกว่า "OK everything look very good"แล้วท่านก็หยิบกระดาษแผ่นสีขาวให้มารับวีซ่าวันที่ 31 ส.ค.ค่ะ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ดีใจมากค่ะ

แล้วก็เพื่อนที่เหลืออีก 3 คนก็สัมภาษณ์ผ่านกันทุกคนค่ะ ทุกคนนั่งรอให้กำลังใจจนคนสุดท้ายสัมภาษณ์เสร็จ แสดงความยินดีกับทุกคนที่สัมภาษณ์ผ่านด้วยค่ะ ส่วนคนที่ยังไม่ผ่านก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ สู้ต่อไปค่ะ

Timeline ของ JJ ค่ะ

Feb 9,2010 Sent I-129F
Feb16,2010 NOA1 Receipt Date
May11,2010 NOA2 Approved Date
May17,2010 Got NOA2 by mail
June 4,2010 Got case no.
June21,2010 Got Packet3 by mail
June22,2010 Sent Packet3 back to the embassy
July12,2010 Got Packet4 by phone call and e-mail
Aug24,2010 Interview date at 1.00 pm
Aug31,2010 Pick up Visa

Total 203 days

Wed Aug 25, 2010 12:35 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Sat Apr 03, 2010 9:39 am
Posts: 33
Post K1-2010 แพร Aug26,10 รับ Aug30,10
K1-2010 แพร Aug26,10 รับ Aug30,10

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นแพรต้องขอบคุณเว็บนี้ ขอบคุณพี่ส้ม โยษิตา พี่เดือน พี่แนท และสมาชิกท่านอื่นๆที่ให้กำลังใจเสมอมาค่ะ แพรไปสัมภาษณ์วันนี้ได้คิวบ่ายโมง แต่ต้องตื่นแต่เช้าไปส่งเอกสาร ไปถึงสถานฑูตหกโมงเช้า นัดกับน้องเตยที่เจอในเว็บนี้ไปด้วยกัน เพราะน้องเตยก็ได้สัมภาษณ์เวลาเดียวกัน จากนั้นไปเจอกันหน้าสถานฑูตค่ะ ไปเข้าแถวรอคิวรวมกับวีซ่าอื่นๆ จากนั้นเค้าก็มาเรียกมห้แยกเข้าไป เข้าไปส่งเอกสารตอนเช้า หลังจากนั้นเค้าบอกให้กลับมาอีกทีตอนเที่ยงค่ะ ก็ออกไปกินข้าวกับน้องเตย เข้าไปอีกทีก็เที่ยงครึ่ง นั่งรอจนถึงเกือบบ่ายสอง แพรเรียกสัมภาษณ์คนแรกของรอบบ่าย ท่านให้เรียกเซ็นชื่อก่อน จากนั้นสแกนนิ้วมือแล้วให้สาบานว่าจะพูดความจริง ท่านฑูตเป็นผู้หญิงใจดี สัมภาษณ์ไม่นานค่ะ ตอนแรกท่านบอกสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยกันมั้ย แพรก็บอกได้ค่ะ แต่จู่ๆท่านก็เปลี่ยนใจบอกว่า สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษดีกว่า เพราะอยากรู้ว่าคุยกับแฟนยังไงค่ะ
คำถามที่ได้คือ

แฟนชื่ออะไร
เจอกันที่ไหน
แฟนทำงานอะไร
แฟนมาเมืองไทยครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
แฟนเคยไปบ้านมามั้ย
แฟนเคยคุยกับทางบ้านมั้ย
ช่วงที่ไม่ได้เจอกันนั้น ติดต่อกันยังไง
แฟนถามเรื่องแต่งงานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ (ตอบไปว่า 19 สิงหา ในอีเมล จากนั้นท่านฑูตก็ให้เปิดหาอีเมลหน้านั้นให้ดู แพรก็เปิดให้ท่านดู พอดีแพรใช้ปากกามาร์คข้อความสำคัญๆไว้อยู่แล้ว เลยหาง่ายค่ะ)
จะไปแต่งงานที่ไหน (ตอบไปว่าอาจจะเป็น Indiana เพราะบ้านเกิดแฟนอยู่ที่นั่น และแม่เค้าอยู่ที่นั่น)
จะแต่งงานช่วงไหน(แพรตอบไปว่าช่วงเดือน พย)

ท้ายสุดท่านก็บอกว่า รู้แล้วใช่มั้ยว่าต้องแต่งงานภายใน 90 แพรก็รับทราบค่ะ

จากนั้นท่านก็บอกว่าทำเอกสารมาดีมาก ดูง่าย เพราะแพรทำ table of content ให้ท่านดูด้วย ท่านบอกว่าดูง่ายดี บอกเป็นหน้าๆ เลขหน้า
จากนั้นท่านก็หยิบกระดาษสีขาวขึ้นมา ในใจก็รู้แล้วว่าผ่านแน่ๆ ตอนแรกท่านบอกว่าให้มารับวีซ่าวันพฤหัสหน้า ให้รออาทิตย์นึง แต่ท่านได้ดูเอกสารแพร ท่านถามว่ามาไกลใช่มั้ยมาจากเชียงใหม่ จองโรงแรมไว้ถึงคืนไหน แพรก็บอกว่า จองถึงวันอาทิตย์ ท่านก็เลยบอกว่า ถ้างั้นให้มารับวีซ่าวันจันทร์ก็แล้วกัน ท่านบอกว่าเข้าใจว่าลำบากเพราะมาไกล ท่านใจดีมากๆค่ะ จากที่นั่งตัวสั่นมาทั้งวัน วันนี้โล่งอกแล้วค่ะ
เอกสารที่แพรเตรียมไปมีสี่แฟ้มคือ
1.อีเมลของแฟนประมาณ 80 ฉบับ
2.อีเมลของแพร ประมาณ 50 ฉบับ
3.แชท
4.เอกสารความสัมภาษณ์ จดหมายแนะนำตัวแฟน จดหมายสัญญาแต่งงาน จดหมายพี่ชายแฟน รูปถ่าย ใบรับเงิน โปสการ์ด หลักฐานการโทร ตั๋วเครื่องบินที่มาไทยและที่ไปเชียงใหม่ หน้าพาสปอร์ตแฟน (แฟ้มอันนี้แหละค่ะที่แพรทำสารบัญให้ท่านดู ตอนแรกเกือบเข้าช่องไม่ได้ เจ้าหน้าที่ช่วยกันดึงและดัน จนยัดเข้าไปได้)
แชทของแพรเจ้าหน้าที่ไม่ดูเลยค่ะ เค้าบอกว่าให้เก็บไว้ ถ้าท่านฑูตขอดูก็เอาให้ท่านดูตอนนั้น เพราะมันค่อนข้างหนา ยังไงก็ยัดเข้าไปไม่ได้ค่ะ

Feb24, 2010 send I129F to USCIS ,CA
Mar15,2010 , Recieve Notice
Apr29,2010 Approval Notice, Valid from 04/28/2010 to 08/27/2010
May07,2010 got case number
May27,2010 got P3
July11,2010, P4 ได้วันสัมภาษณ์
Aug26,2010 Immigrant Visa Interview Appointment 1.00 pm.
รวมทั้งหมดตั้งแต่ส่งเรื่องจนถึงวันสัมภาษณ์และได้วีซ่า 6 เดือนค่ะ

Image

วันรับวีซ่า 30 สิงหาค่ะ นาทีระทึกขวัญ พอเดินเข้าไป มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายออกมารับใบนัด จากนั้นนั่งรอ 15 นาที คนอื่นๆที่เค้ามาก่อนและหลังแพร เค้าได้วีซ่ากลับบ้านกันหมดละ ของแพรซักพักเจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่า ขอโทษด้วยครับ พอดีเป็นความผิดผมเอง ผมเอาเอกสาคุณไปวางไว้ผิดที่ เค้าหมายถึงซองเอกสารสีน้ำตาล ตอนนี้เอกสารส่งไปให้ท่านกงสุลแล้ว จะเป็นไปได้มั้ยถ้าจะกลับมารับเอกสารพรุ่งนี้เช้า แพรเริ่มใจไม่ดี น้ำตาคลอ เค้าก็ถามว่าเดินทางกลับวันไหน ตอบไปว่าเย็นนี้ค่ะ ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว โรงแรมก็เช็คเอ้าท์ออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ชายได้ฟังแล้วก็สงสาร เลยบอก่า เดี๋ยวผมขอตัวไปคุยกับท่านกงสุลให้นะครับ แล้วก็หายไป 1 ชั่วโมง ออกมาพร้อมกับวีซ่าและซองเอกสาร โล่งอกไป ได้ทันเวลา เจ้าหน้าที่ยกมือไหวขอโทษเป็นการใหญ่ แพรก็ยกมือไหว้เค้าด้วยที่เค้าตามเรื่องให้และทำให้เสร็จภายในวันนี้ ไม่งั้นแพรคงแย่แน่ เพราะต้องบินกลับเชียงใหม่เย็นวันนี้


Last edited by impraewa on Mon Sep 13, 2010 12:15 pm, edited 4 times in total. 
Thu Aug 26, 2010 8:49 amProfile

แจมน้อย
แจมน้อย
User avatar

Joined: Tue Mar 24, 2009 5:14 pm
Posts: 33
Post K1-2010 เตย Aug26,10 รับ Sept02,10 Military ขอใหม่อีกรอบ
K1-2010 เตย Aug26,10 รับ Sept02,10 Military ขอใหม่อีกรอบ กลับไปเรียน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกๆคนในเว็ปที่น่ารักเว็ปนี้นะค่ะ ได้วีซ่ามากอดเพราะเว็ปนี้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ

วันนี้ตื่นตีสี่ ออกจากบ้านตีห้าค่ะ บ้านเตยอยู่แถวรังสิต เลยต้องตื่นเช้ามากเป็นพิเศษ นัดกับพี่แพรไว้หน้าสถานทูต ( พี่แพรนี่หุ่นนางแบบจริงๆ อิอิ ) ตอน 6 โมงกว่าๆ ตอแถวรอนานพอสมควรนะค่ะ จนมีเจ้าหน้าที่มาเรียกเข้าไปส่งเอกสาร เอกสารของเตยมี แชทประมาณ 200 รูป อีกเกือบร้อยอ่ะค่ะ บิลโทรศัพท์ อีเมล 50 แชทและอีเมลลที่คุยกะแม่ของแฟนอีก 50 ส่งเอกสารเสร็จก็ออกไปทานข้าวกะพี่แพรค่ะ ( ขอบคุณสำหรับอาหรนะค่ะพี่แพร เตยกินท้องกางเลยอ่ะ )กลับมาอีกที่ตอนเที่ยงครึ่ง คนแรกเริ่มสัมภาษณ์ตอน เกือบบ่ายสองค่ะ นั่นก็คือพี่แพร ฮ่าๆๆๆ วันนี้ช่วงบ่ายมีสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 คนค่ะ คนแรกพี่แพรผ่าน คนที่สองผ่าน คนที่สามได้ยินว่าเข้าต้องมาส่งเอกสารเพิ่มค่ะ แล้วต่อมาคือเตยเอง แบบว่าใจเต้นมากๆๆๆๆๆๆ ท่านทูตน่ารักค่ะ ยิ้มแย้มดี
คำถามที่เตยโดนถามนะค่ะ

How did you meet your fiance?
When did you see him in the first time and where?
What is he call you? ( คืออันนี้ในจดหมายที่แฟนเขียนเขาบอกถึงชื่อที่เขาเรียกเตยนะค่ะ ก้อเลยต้องอธิบายซะยาวเลย)
Where does he live now? ( อันนี้นานนมากค่ะ คือว่าแฟนเตยทำงานที่อิรัก ท่านทูตเขาถามว่าแล้วถ้าไปที่นั่นจะอยู่กันยังไง ในเมื่อแฟนทำงานที่อิรัก เตยนี่ใจแป๊ว เลยค่ะ เลยบอกไปว่าแฟนกำลังย้ายมาทำงานในสาขาที่อเมริกา ยืนยันว่ามาจริงๆค่ะ ตอนท่านถามตาขวาดันกระตุกอย่างรุนแรง ในใจเตยคิดว่างานเข้าแล้วค่ะ แหะๆ)
Have your fiance married before?
When will you marry?
แล้วท่านกงก็ดูรูปไปค่ะถามว่าถ่ายที่ไหนอะไรยังไงค่ะ จากนั้นก้อเห็นใบน่ารักๆสีขาวบอกว่าให้มารับวันที่ 2 กันยา เตยขอให้พ่อมารับแทนค่ะ ท่านเลยถามว่านามสกุลเดียวกันไหม แล้วเขียนชื่อพ่อเราลงไปในใบนัดค่ะ จากนั้นเตยไหว้งามๆทีนึงเดือนยิ้มออกมาเลยค่ะ


26 Dec 2009- Send case
10 Feb 2010- NOA in hand
23 Mar 2010- Got case number
25 Apl 2010- Recieved Pack 3
23 June 2010- Send Pack 3
12 Jul 2010- Got Pack 4
26 Aug 2010- Interview @ 1 PM
2 Sept 2010- Get Visa

Thu Aug 26, 2010 10:32 amProfile

เด็กหัดโพสต์
เด็กหัดโพสต์

Joined: Sat Jul 03, 2010 9:59 am
Posts: 15
Post K1-2010 mira2010 Aug26,10 รับวีซ่า Sept02,10
K1-2010 mira2010 Aug26,10 รับวีซ่า Sept02,10

ขอขอบคุณ website usvisa4thai และทุกๆคำแนะนำและประสบการณ์ที่ทุกๆคนได้โพสต์เอาไว้ 
ขอบคุณมากๆนะคะ


Timeline ค่ะ :-)
Feb 1, 2010 : Sent I-129F to Vermont
Feb 3, 2010 : Got NOA 1
May 6, 2010 : Got NOA 2 by e-mail......(96 days)
May 12, 2010 : Got NOA 2 by mail
May 15, 2010 : Got case number
June 16, 2010 : Got Packet 3.....(32 days after received case number)
June 23, 2010 : Return Packet 3
July 12, 2010 : Got Packet 4.....(by phone and e-mail)
Aug 26, 2010 : Interview.....(45 days after received Packet 4)
Sept 2, 2010 : pick up visa
Total 7 Months and 2 Days ka

ป.ล. รอเอกสารการเงินของแฟนราวๆ 1 เดือนค่ะ ทำให้ช่วงรอหลังจากส่ง Packet 3 กลับ จนถึงวัน interview ช่วงนี้นานมากค่ะ ไม่เร็วเหมือนรุ่น 2-3 เดือนช่วงต้นปี
ขอให้คนที่ทำรุ่นหน้าได้กันเร็วๆนะคะ :X

ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นค่ะ
ทางสถานทูตนัดส่งเอกสาร เวลา 7:00 - 8:00 น.ค่ะ แต่เวลาสัมภาษณ์ คือ 13:00 น.
นอนไม่หลับค่ะ ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล คืนนั้นฝนตก ยิ่งกังวลว่าถ้าเช้ามืดฝนยังตกอยู่อย่างนั้น คงจะออกจากบ้านทุลักทุเลแน่
หลับหลับตื่นๆ คอยดูนาฬิกาตลอด จน 03:30 น. เลยลุกขึ้น
แต่งตัวเสร็จตั้งแต่ 04:30 น.
มีเวลาเลยทานกาแฟกับขนมชิ้นเล็กๆ เปิดคอมอ่านอะไรเล่นฆ่าเวลา จน 05:30 น. ก็ออกจากบ้าน
มาถึงสถานทูตประมาณ 06:00 น. มีคนเข้าคิวอยู่แล้วประมาณ 20 คน

น้องเสื้อม่วงให้เริ่มเข้าไปประมาณ 06:30 น.
ยื่นเอกสารตัวจริงและ เอกสารความสัมพันธ์ ให้เจ้าหน้าที่หน้าต่างหมายเลข 4 ค่ะ
แล้วไปจ่ายเงินเพิ่ม 7,227 บาท เอาใบเสร็จกลับไปให้ที่หน้าต่าง 4 ประมาณ 07:30 น.ก็เสร็จ มานั่งรอออออ

เวลาสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ที่หน้าต่างหมาย 6 ค่ะ
เซ็นซื่อใน ds 156k แล้วสาบาน สแกนนิ้วมือ
กงสุลผู้หญิง ใจดีมากค่ะ พอเริ่มก็รัวมาเป็นชุดเลย
- แฟนชื่ออะไร / อายุเท่าไหร่
- แฟนทำงานที่ไหน / ตำแหน่งอะไร
- แฟนอยู่ที่ไหนในอเมริกา
- แฟนมาจากประเทศอะไร / พูดได้กี่ภาษา / อะไรบ้าง
- คุณจบมาสเตอร์จากอเมริกา ยู....? / คุณเรียนเมเจอร์อะไร
(พอตอบไป กงสุลยิ้มแล้วพูดว่า 'that's very impressive, you know?' )
- คุณชอบที่นั่นไหม / แล้วชอบรัฐที่แฟนอยู่ไหม
- แฟนคุณเคยแต่งงานมาก่อนหรือเปล่า
- แฟนคุณมีลูกกี่คน / อายุเท่าไหร่บ้าง /อยู่ด้วยกันหรือเปล่า
- คุณทำงานอะไร
- เจอกันได้อย่างไร
- แฟนมาหากี่ครั้ง / เมื่อไหร่บ้าง
- แฟนชอบทำอะไรบ้างเวลาว่าง

:-)


Last edited by mira2010 on Fri Aug 27, 2010 1:55 pm, edited 3 times in total. 
Fri Aug 27, 2010 10:34 amProfile

สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่

Joined: Mon May 10, 2010 1:29 pm
Posts: 7
Post K1-2010 bbday Sept13,10 รับ Set20,10@CA
K1-2010 bbday Sept13,10 รับ Set20,10@CA

สวัสดี เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน

เมื่อวานนี้พี่ได้ไปสัมภาษณ์มาแล้ว ค่ะ ผ่านไปได้ด้วยดี ตั้งใจว่าจะกลับมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อวาน พอดีเหนื่อย แต่คงไม่สายเกินไปนะคะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่มี Web นี้นะคะ ช่วยได้เยอะแต่ยังไม่กระจ่าง วันนี้ตั้งใจมาทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านและรอสัมภาษณ์อยู่เกิดความกระจ่างจริงๆค่ะ
1.การจัดเตรียมเอกสาร ให้ปฏิบัติดังนี้ นะคะ
1.1เอกสารของเรา =
- บัตรประชาชนตัวจริง
- สำเนาทะเบียนบ้านตัวจริง
- passport จริง
- ใบรับรองความประพฤติจากตำรวจตัวจริง
- ใบรับรองโสดตัวจริง ถ้ายังไม่เคยแต่งงานค่ะ
- ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซา ตัวจริง
- แบบฟอร์มต่างๆ ถ้าส่งตัวจริงไปใน packet 3 แล้วก็ไม่ต้องยื่นอีก ได้แก่ DS 230 part 1 ,DS 156, DS 156k,DS 157 พอดีส่วนตัว ตอนส่ง packet 3 ยื่น สำเนาไปหมด วันนี้เลยยื่นทุกอย่าง
***ใช้คลิปหนีบสีดำ หนีบเป็นชุดให้เรียบร้อย ยื่นส่งเค้าทั้งชุด สะดวกกับเราด้วย ไม่ต้องมาหยิบที่ละอย่าง
1.2เอกสารแฟน
- Copy Passport แฟนทุกหน้า
- I 134 COver Letter ตัวจริง
- I 134 ตัวจริง
- pay Stub copy
- Tax ปีล่าสุด
****ใช้คลิปหนีบสีดำ หนีบเป็นชุดให้เรียบร้อย ยื่นส่งเค้าทั้งชุด เช่นกัน

1.3 เอกสารความสัมพันธ์ สำคัญมาก เพราะ เคยงงกับการจัดเรียงมาแล้ว ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านโชคดี แล้วจะไม่งงเหมือนพี่มาก่อน
- E-mail,mail ที่ส่งถึงกัน = print screen mail box ทุกหน้า แยกเป็นของแฟนเขียนถึงเรา และเราเขียนถึงแฟน ตัวอย่าง e-mail หวานๆ หรือเนื้อหาสำคัญๆ เช่น ตกลงหมั้นกัน เป็นต้น ใช้คลิปดำหนีบไว้
- Chat - print screen ขณะคุยกัน ตัวอย่าง chat พอประมาณ ใช้คลิปดำหนีบไว้
- รูปถ่าย อาจจะ print ใส่กระดาษ A4 หรือล้างรูปมาแปะในกระดาษแล้สวแต่สะดวก แต่ควรมีคำอธิบายสั้นๆประกอบรูป ของพี่ก็เป็นรูปถ่ายคู่กันตอนที่แฟนมาเมืองไทยและไปเที่ยวกัน รูปถ่ายพิธีหมั้น รูปถ่ายแฟนเรากับครอบครัวเรา
- ใบแจ้งค่าโทรศัพท์ (ถ้ามี) ของพี่แยกเป็นของเราโทร หาแฟน ส่ง SMS ถึงแฟน และแฟนโทรหาเรา
- ใบเสร็จค่าโรงแรม หรือ e-mail จองโรงแรม
- ตั๋วเครื่องบิน
- e-Card ,card ที่ส่งถึงกัน
- อื่นๆ ที่แสดงความสัมพันธ์กันได้

******สิ่งที่จะบอกให้ทุกคนทราบ คือ เอกสารทุกอย่างให้ใช้คลิปสีดำหนีบ ไม่ต้องจัดเรียงใส่แฟ้ม ความหนาแต้ละชุด ให้นึกถึงหนังสือนิตยสารแพรวหรือดิฉัน เพราะชองส่งเอกสารเล็กมากๆ เราควรหนีบเป็นชุดๆ แต่ละชุดอาจทำปกบอกว่าอะไร เพื่อดูง่ย ถ้ารู้สึกว่ามาก ก็ แยกเป็นชุด 1 ชุด 2 ไป เช่น Chat หรือ e- mail อาจจะเยอะ ก็ทำเป็นชุด 1 ชุด 2 ขอยำกับทุกคน ไม่ต้องจัดเรียงใส่แฟ้ม เพราะเค้าไม่เอาแฟ้ม ให้เราดึงออกจากแฟ้ม เราจัดเรียงใช้คลิปหนีบไปเป็นชุดๆให้เรียบร้อย
2. คำถาม ไม่ยากเลย เหมือนที่เพื่อนๆ เคยโพสต์ไว้

- แฟนชื่ออะไร
- แฟนทำงานอะไร
- เราทำงานอะไร
- แฟนอายุเท่าไร
- เราอายุเท่าไร
- แฟนมีลูกไหม/ กี่คน
- ลูกอยู่กับใคร
- เรารู้จักแฟนได้อย่างไร
- แฟนมาเมืองไทยกี่ครั้ง
- เบอร์โทรศัพท์เราเบอร์อะไร เนื่องจากของพี่มีหลกฐานโทรศัพท์ถึงกัน
- แฟนอยู่ที่เมืองไหน
- แล้วเราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่

*** คำถามมีแค่นี้ค่ะ สั้นๆง่าย ท่านจะเปิดเอกสารความสัมพันธืต่างๆ แล้วถามคำถามเราค่ะ แต่ของพี่ ท่านดูแค่ โทรศัพท์ กับรูป อ้อ แล้วว ก็ mail ถึงกันแค่นั้น chat ท่านไม่ได้เปิดดูเลยค่ะ
3. ทำอย่างไรถึงจะผ่านสัมภาษณ์
- I 134 ค่ะ สำคัญที่สุด ถ้า I 134 เกิน 125% ผ่านชัวร์ หกฐานอื่นๆ ของพี่ท่านแทบไม่เปิดดูเลยค่ะ
- Tax ปีล่าสุด ต้องมีประวัติเสียภาษีค่ะ
- รูปถ่ายคู่กันม กบครอบครัวเรา
- หลักฐนโทรศัพท์
- Sky หรือ chat - print screen ด้วยนะคะ แค่นี้ก็ OK แล้วค่ะ ส่วนใหญ่คนที่ไม่ผ่านคือ I 134 ไม่ 125%

*****ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านโชคดีค่ะ ยำอีกครั้งใช้คลิปดำหนีบเอกสารุอย่าง อย่าใส่แฟ้ม*******

Tue Sep 14, 2010 1:22 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย

Joined: Fri Jan 30, 2009 1:33 pm
Posts: 83
Location: there's always something to be thankful for.
Post K1-2010 มิน Sept07,10 รับ Sept10,10 @AZ
K1-2010 มิน Sept07,10 รับ Sept10,10 @AZ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆที่บ้านusvisa4thai :-) :-)

ตอนนี้มินได้วีซ่าเรียบร้อยแล้วค่ะ มินสัมภาษณ์วันที่ 7 กันยายน 2553 กงสุลนัดรับวีซ่าวันที่ 10 กันยายน 2553
แต่ที่มาอัพเดทช้า เพราะว่ายุ่งๆวุ่นๆกับการสร้างบ้านใหม่หน่ะคะ

ก่อนอื่นมินต้องขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกทานมากๆๆๆๆ โดยเฉพาะพี่แนท ที่มาตอบเป็นคนแรกทุกครั้งที่ถามเลย และรวมถึงพี่ๆท่านอื่นที่มินไม่ทราบชื่อ ก็อุตส่าห์มาตอบคำถามให้ทุกครั้งเลย ขอขอบคุณใจจริงๆค่ะ ที่ช่วยให้ความรู้และให้คำแนะนำทุกอย่างในการขอวีซ่านะค่ะ การที่ได้มาอ่านข้อมูลที่บ้านนี้ ทำให้มินสามารถเตรียมเอกสารทุกอย่างได้ครบและเตรียมความพร้อมในทุกๆขั้นตอนได้ทันเวลา รวมทั้งการไปสัมภาษณ์ ที่มินเตรียมเอกสารครบและถูกต้อง ก็เพราะบ้านหลังนี้แหละคะ มีประโยชน์มากจริงๆค่ะ และอยากบอกว่าสมาชิกทุกคนในบ้านหลังนี้น่ารัก ใจดี กันทุกคนเลยค่ะ >:D< >:D<

วันนี้ก็เลยจะมาขอเล่าประสบการณ์ในการสัมภาษณ์วีซ่าให้ฟังนะคะ
สถานทูตนัดสัมภาษณ์เวลา 13.00 น. แต่ให้มายื่นเอกสารใว้ก่อนตอนเช้าเวลา 7.00 น. มินตื่นแต่เช้าประมาณตี4 ที่ต้องตื่นแต่เช้าเพราะเผื่อเวลาอาบน้ำ แต่งตัว ทำผม หน่ะคะ อิอิ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยประมาณ 6 โมงเช้า เดินทางไปสถานทูตด้วยแท็กซี่ประมาณ10นาที มินพักที่โรงแรมแถวสุขุมวิทนะคะ ก็เลยไม่ไกลจากสนาถทูตนัก พอมาถึงก็เห็นคนที่มายื่นเข้าแถวรอแล้วประมาณ20กว่าคน ตกใจเล็กน้อย คิดว่ามาเช้าแล้วนะเนี้ย ยังมีคนเช้ากว่าเราอีก แล้วจากนั้นมินก็ยื่นเข้าแถวรอ ไม่ถึง2นาที แถวยาวจนถึงบันไดสะพานลอยเลยคะ แล้วจากนั้นอีก5นาที แถวก็ยาวจนเลยสะพานลอยไปเลยคะ คิดในใจ ดีที่มาก่อนนะเนี้ย มีคนมาช้ากว่าเราอีก วันนั้นคนเยอะมาก ส่วนมากเป็นวีซ่าท่องเที่ยว พอยื่นรอประมาณครั้งชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงมาขอดูใบนัดสัมภาษณ์ของทุกคน รวมทั้งมิน พอเขาดูว่าเป็นวีซ่าคู่หมั่น เขาก็ให้ไปยื่นอีกแถวหนึ่ง ที่มีคนยื่นอยู่แล้วประมาณ10 กว่าคน แล้วหลังจากนั้นก็รอกับรอ พอถึงเวลา7โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูให้ทยอยเข้าไป ตอนกำลังจะเข้าไปข้างใน ก็เห็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง จากเซ้นของเราคิดว่าพี่เขาคงมาสัมภาษณ์วีซ่าK1แหงๆ แล้วก็ใช้จริงๆ ชื่อพี่อ้อย มาสัมภาษณ์วีซ่าK1เหมือนกัน ก็เลยเข้าไปข้างในพร้อมกัน ดีใจมากที่เจอคนที่มาสัมภาษณ์วีซ่าประเภทเดียวกันกับเรา มินฝากโทรศัพท์มือถือพร้อมกับใบขับขี่ไว้กับเจ้าหน้าที่ แล้วก็เดินผ่านเครื่องสแกนเข้าไปข้างใน ลืมบอกไปว่ากระเป๋าที่ใส่เอกสารมาหนักมากกก เพราะขนมาหมดทุกอย่างเลย พอเข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อไปในหน้าต่างช่องที่ 5 เอกสารที่เจ้าหน้าที่ต้องการก็มี
1. พาสปอร์ตตัวจริง
2. บัตรประชาชนตัวจริง
3. ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล ตัวจริง
4. ทะเบียนบ้านตัวจริง
5. ใบเกิดตัวจริง แต่มินลืมเอามาด้วย ตอนนั้นรู้สึกใจไม่ดีเลย ตอนนั้นคิดว่าเอาฝากแม่ไว้ (แม่รอข้างนอก) ก็เลยขอเจ้าหน้าที่ว่าจะออกไปเอาข้างนอก แต่พอออกไปก็หาแม่ไม่เจอ แต่มาคิดออกอีกทีว่า กระเป๋าเอกสารของแม่ก็อยู่ที่โรงแรมนี่หน่า เลยกลับเข้าไปบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า จะเอาใบเกิดมาให้ตอนบ่าย แล้วเจ้าหน้าที่ก็ตกลง (เจ้าหน้าที่อรุ่มอร่วยดีคะ แต่เราก็ผิดพลาดเองแหละ ที่ไม่น่าลืมเลย อันนี้ห้ามเลียนแบบนะคะ แหะๆๆ)

แล้วเจ้าหน้าที่ก็ขอเอกสารความสัมพันธ์ แต่เนื่องด้วยเอกสารของมินจัดเรียงใส่แฟ้มเอาไว้ พร้อมพิมพ์หน้าปกว่า เอกสารข้างในมีอะไรบ้าง แยกออกเป็น 3 เซ็ต คือ 1. เอกสารของมิน 2. เอกสารของคู่หมั้น 3. เอกสารความสัมพันธ์ ทั้งสามเซ็ตนี้อยู่ในแฟ้มเดียวกัน มินเลยยื่นแฟ้มเอกสารนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วบอกว่าเอกสารทั้งหมดอยู่ในแฟ้มนี้ค่ะ

เอกสารที่ใช้ในการสัมภาษณ์ของมิน
1.หนังสือเดินทางตัวจริง พร้อมสำเนา
2.หนังสือเดินทางเล่มเก่าตัวจริง
3.บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
4.สูติบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา
5.ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลตัวจริง พร้อมสำเนา
6.สำเนาหนังสือรับรองสถานภาพสมรส ( โสด ) (ตัวจริงส่งไปตอนPacket3)
7.ใบทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา
8.FORM DS-230 PART 1
9.FORM DS-156
10.FORM DS-156K
11.FORM DS-157
12.รูปถ่าย 2 ใบ พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุลด้านหลัง
13.ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าคู่หมั้น K1
14.สำเนาหนังสือรับรองความประพฤติ (ตัวจริงส่งไปตอนPacket3)
15.MEDICAL EXAMINATION

เอกสารของคู่หมั้น
1.สำเนาหนังสือเดินทาง
2.FORM I-134
3.หนังสือรับรองการทำงาน
4.Tax Return 2006,2007,2008,2009
5.W-2 2009
6.Earnings Statement
7.Bank Account

เอกสารแสดงความสัมพันธ์
1.E-mail ที่เขียนติดต่อกับคู่หมั้น
2.E-mail ที่เขียนติดต่อกับคุณแม่ของคู่หมั้น
3.รูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันและถ่ายกับครอบครัว (พร้อมเขียนบรรยายข้างหลังภาพ ว่าถ่ายที่ไหน เมื่อไหร่)
4.การ์ดที่คู่หมั้นส่งมาให้
5.ของขวัญที่คู่หมั้นส่งมาให้ (มินถ่ายรูปไว้ แล้วสแกนใส่กระดาษ พร้อมเขียนบรรยายค่ะ)
6.ใบเสร็จจากพัสดุที่ส่งไปให้คู่หมั้น
7.บิลค่าโทรศัพท์ของเราและของคู่หมั้น
8.ใบจองตั๋วเครื่องบินที่แฟนบินมาหา และBoarding pass ของการบินไทยที่เราเดินทางด้วยกันระหว่างทริป
9.ใบจองโรงแรมในเมืองไทย ที่พักด้วยกันระหว่างทริป
10.ใบเสร็จที่คู่หมั้นซื้อแหวนหมั้นให้
11.ใบจองโบสถ์ จัดพิธีแต่งงาน
12.ใบจองโรงแรมที่ลาส เวกัส
13.ใบจองโรงแรมที่แคลิฟอร์เนีย

แต่เอกสารความสัมพันธ์บ้างอย่างที่มินไม่ได้เอาใส่แฟ้ม ก็คือ
E-mail ที่เขียนติดต่อกับคู่หมั้น (มินปริ้นออกมา แล้วเอาคลิปดำหนีบ ประมาณ 200 แผ่น เรียงจากฉบับแรกถึงฉบับล่าสุด มินปริ้นอีเมวมาเยอะเกินหน่ะค่ะ เพื่อนๆไม่ต้องปริ้นมาเยอะขนาดนี้ก็ได้นะคะ เอาเฉพาะหวานๆก็พอ แต่สำหรับมิน ขอเยอะไว้เก่อนนะคะ แหะๆๆ แล้วแต่เพื่อนๆจะพิจารณานะคะ)

E-mail ที่เขียนติดต่อกับคุณแม่ของคู่หมั้น (มินปริ้นมาหมดเลย เพราไม่เยอะเท่าไหร่ ประมาณ 20กว่าแผ่น เอาคลิปดำหนีบ)

การ์ดที่คู่หมั้นส่งมาให้ (มินเอาการ์ดมาทั้งหมดเลย ประมาณ5-6 ฉบับ ไม่เยอะ เลยเอามาหมด เอาคลิปดำหนีบ)

เอกสารความสัมพันธ์สามอันนี้ มินแยกต่างหากคะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมที่เหลือ 7,227 บาท ที่แคชเชียร์ด้านหลัง แล้วมินก็ยื่นใบเสร็จค่าธรรมเนียมให้พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมด เจ้าหน้าที่บอกให้เอาแฟ้มมายื่นที่ประตู (เพราะมันหนาเข้าในช่องไม่ได้ 555) มินก็เดินเอาไปยื่นที่ประตู แล้วเจ้าหน้าที่ก็รับไป แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า “ให้กลับมาที่นี้ก่อนเที่ยงครึ่งนะค่ะ” เจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านนี้ใจดีอยู่ค่ะ แต่หน้าบูดนิดๆๆ (แหะๆๆแอบเมาท์) ส่วนพี่อ้อย นัดสัมภาษณ์ช่วงเช้าเลย

พอถึงเวลา 12.00 นาฬิกา มินกับแม่เดินทางไปสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์รอบบ่าย มินเข้าไปนั่งรอข้างใน แล้วเจ้าหน้าที่คนเดิมเห็น ก็เรียกให้ไปยื่นใบเกิดตัวจริงแล้วให้กลับไปนั่งรอ ในขณะนั้นก็มีผู้คนทย่อยเข้ามารอข้างในเป็นจำนวนเยอะมาก มินก็นั่งรอๆๆ ดูทีวีไปด้วย คิดในใจเมื่อไหร่จะเรียกเราซักทีน่า ตื่นเต้นๆ มินนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ (นานมาก เกือบหลับ) แล้วได้ยินกงสุลเรียกชื่อและนามสกุล เชิญที่ช่อง 6 ค่ะ เป็นกงสุลฝรั่งผู้หญิงที่เป็นคนสัมภาษณ์ มินไหว้พร้อมกล่าวสวัสดีกับท่านกงสุล แล้วกงสุลก็ตอบทักทายกลับว่า สวัสดีคร่า อิอิ น่ารักดีคะฝรั่งพูดไทย กงสุลให้สาบานว่าทุกอย่างที่จะพูดเป็นความจริงและสแกนนิ้วมือ แล้วกงสุลก็ให้เซ็นชื่อ ใน DS-156K กงสุลทานนี้น่ารัก ไม่ดุเลย แต่ถามเยอะมากกกกกก สงสัยคงจะเห็นเอกสารเราเยอะ แต่ในเมื่อถามเยอะ เราก็ตอบเยอะด้วย 555 แต่มินจำคำถามไม่ได้ทั้งหมด เพราะเหมือนถาม-ตอบคุยกันมากกว่า เอาเท่าที่จำได้แล้วกันนะคะ การสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเขียนผิดไวยากรณ์ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะกงสุลพูดเร็วมากกกก คำถามแรกคือ
กงสุล What’s your fiancé name?
มิน His name is *** *** ***
กงสุล Can he speak Thai?
มิน Umm just a little bit, only some words. He’s learning you know. แล้วเราก็ยิ้ม กงสุลก็ยิ้ม
กงสุล What language do you talk to him?
มิน I talk to him in English, We’re talk in English.
กงสุล How old is he?
มิน He’s ** years old
กงสุล How old are you?
มิน I am ** years old
กงสุล What’s he do for living
มิน He’s work at ******
กงสุล Where’s he from?
มิน He is from Phoenix, Arizona
กงสุล Do you working?
มิน No, I don’t working now, I just finish Bachelor Degree from University last year.
กงสุล How did you met him?
มิน ตอบไป....บลา บลา บลา
กงสุล Where did u met him in person?
มิน คำถามนี้มินตอบยาวมาก เพราะเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลย ตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน จนกระทั้งตอนแฟนกลับ เล่าแบบละเอียดยิบเลย กงสุลจะได้เชื่อ 555
กงสุล When is the last time you see him?
มิน Last year, on June
กงสุล Does he come to visited you again?
มิน No, He doesn’t
กงสุล How many time he come to meet you?
มิน Just one time.
กงสุล How do you contact him? ตอนถาม กงสุลดูอีเมวที่ปริ้นมา (แอบดีใจที่ดู เพราะเสียค่าปริ้นหลายร้อย555)
มิน He almost called me everyday on phone and we use to write email to each other.
กงสุล What is your phone number? ตอนถาม กงสุลดูบิลค่าโทรศัพท์
มิน My phone number is 08* *** ****
กุงสุล Why he apply for your mother visa?
มิน Umm yes, He’s applying for my mother visa because we would like to have her in our wedding and my mother will here for interview tomorrow. (อู๊ยย ตกใจ ที่กงสุลรู้ว่าเรายื่นเรื่องให้แม่ด้วย ตกใจที่รู้ได้ไง แต่ถ้าจะให้เดา คงรู้จากอีเมวของเรานั้นแหละ เพราะเราเขียนเมลคุยเรื่องขอวีซ่าให้แม่กัน)
กงสุล Who will pay for your mother ?
มิน My fiancé will pay for my mother’s trip.
กงสุล Where is your mother?
มิน She’s waiting for me outside
กงสุล When is your wedding? ตอนถาม กงสุลกำลังดูใบจองโบสถ์แต่งงาน
มิน My wedding will be on November 30, this year.
กงสุล Why did you go to Germany many time? กงสุลดูพาสปอร์ตเล่มเก่าเลยถาม
มิน (เราคิดในใจ เอ๊ะ หลายครั้งที่ไหน เราไปมาครั้งเดียวเอง เลยตอบไปว่า) I’ve been to Munich to change a flight only one time.
กงสุล And this? กงสุลชี้ในพาสปอร์ตเล่มเก่า ตรงที่เคยแสตมที่ประเทศอื่น
มิน เราเลยตอบไปที่ละที่ว่า I’ve been to Vienna, Amsterdam, and last time Copenhagen to change flight and I’ve been to Norway and Sweden for travel.
กลสุล He sent you money? ตอนถามก็ดูใบเสร็จรับเงินจาก Western Union (แฟนส่งเงินมาให้ได้ปีกว่าๆคะ มินเอาใบเสร็จมาทุกใบ)
มิน Yes, He sent me money. You can see that receipts.
กงสุล Where do you stay now? ขนาดพักอยู่ไหนยังถาม เหอะๆๆ
มิน At the hotel in Sukhumvit.
กงสุล How many days you booked for hotel? อันนี้ก็ยังถาม แหะๆๆ แต่ถามแบบสบายๆ ไม่ซีเรียสเลยคะ
มิน 4 nights, I booked from September 6, 7, 8, 9 and check out 10.
กงสุล How do you go back home? ถามแล้วก็ยิ้ม
มิน I think I’ll go back home by airplane. เราก็ยิ้ม
กงสุล ให้คุณมารับวีซ่าวันที่10 บ่ายสามโมง (กงสุลเขียนใบนัดรับวีซ่าสีขาว พูดบอกเป็นภาษาไทยด้วย)
มิน ค่ะๆ ขอบคุณมากค่ะ Thank you very much ( ยิ้มหน้าบานนนนนนนนนนน)
แต่มีคิดในใจ ที่ถามเราว่ากลับบ้านวันไหน นึกว่าแต่จะให้มารับวันที่ 9 แต่ก็ไม่เป็นไร รับวันที่ 10 ก็ได้ อยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง แล้วที่กงสุลถาม คงเพราะอยากให้เราอยู่รับวีซ่าเลยมั้ง เพราะรู้ว่าเราอยู่ต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา อันนี้คิดเอาเองนะคะ อิอิ ก็ท่านกงสุลใจดีนิคะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย มินโชคดีที่กงสุลท่านนี้เป็นคนสัมภาษณ์และดีใจมากการสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี แล้วกงสุลก็ยื่นเอกสารทุกอย่างคืนให้เราค่ะ คิดในใจ อยากเอาไปเก็บโรงแรมให้เร็วที่สุดเพราะหนักมากกกก

ตอนเดินออกมา Securityถามว่า ฝากอะไรไว้มั้ยครับ เราก็มัวแต่ยิ้มเพลิน เลยตอบไปว่า อืมมม เปล่าค่ะ (นึกได้อีกที อ๋ออออ มีค่ะ มีค่ะ นี้ค่ะ(หยิบนัมเบอร์ฝากของให้) Securityพูดว่า เกือบไปไม่เอาของเลยนะ นี้ใช่มั้ยครับ(ยื่นของให้) เราเลยตอบว่า แหะๆๆ ดีใจจนลืมหน่ะค่ะ (ยิ้มมมมมม) พอออกมาปุ๊บก็รีบไปบอกแม่และโทรบอกแฟนเลย แฟนก็ดีใจมากกกก บอกว่าจะรอ นอนไม่หลับ55555

พอถึงวันที่ 10 มารับวีซ่า มินนัดกับพี่อ้อยมาเจอกันที่สถานทูต พี่อ้อยก็ได้วีซ่าเหมือนกัน แล้วกงสุลก็เป็นคนเดียวกันที่ที่สัมภาษณ์เรา (ถ้าพี่อ้อยมาอ่านเจอ ก็อย่าว่ากันนะคะ แอบเมาท์พี่อ้อยด้วย อิอิ ดีใจกับพี่อ้อยด้วย) เจ้าหน้าที่ผู้ชาย(คนไทย)ออกมาเรียกชื่อแต่ละคนให้ออกไปรับวีซ่า มินได้วีซ่าในพาสปอร์ตกลับคืนมา พร้อมซองสีน้ำตาล เขาให้ถือติดตัวไว้ตลอดตอนเดินทางเข้าอเมริกา เพื่อยื่นให้กับเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง แต่อยากรู้ว่าข้างในมีอะไร เลยถามพี่ๆตรงนี้เลยว่า ซองสีน้ำตาลที่ให้มาพร้อมกับวีซ่า ข้างในเป็นอะไรค่ะ?? ตอนไปรับวีซ่าเห็นคนที่ไม่ผ่านวีซ่าผู้หมั้นด้วย น่าเห็นใจจริงๆ เอกสารเขาคงไม่ครบหรืออะไรเราก็ไม่ทราบ

ตอนนี้มินได้วีซ่าแล้ว จะเดินทางพฤศจิกายนหน่ะค่ะ มินอยากให้กำลังใจเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่านว่า ไม่ต้องกลัวการสัมภาษณ์วีซ่านะคะ เตรียมเอกสารทุกอย่างให้ครบ พูดความจริง มีความมั่นใจ แต่งตัวสุภาพให้เกียรติสถานที่ เราก็วีซ่าผ่านได้ค่ะ มินขอให้ทุกๆคนโชคดีนะค่ะ

นี้คือ Timelines ของมินนะค่ะ (แฟนเป็นคนบันทึกไว้ทั้งหมดนะคะ เขาบอกอีกว่าจะคอยบันทึกจนเราได้Citizenเลย เราก็แซวไปว่า Wow! It’s such a big job :)) :))

I-129F Sent : 2009-11-21
I-129F NOA1 : 2009-11-24
I-129F RFE(s) :
RFE Reply(s) :
I-129F NOA2 : 2010-04-21
NVC Received : 2010-04-28
NVC Left : 2010-05-11
Consulate Received : 2010-05-24
Packet 3 Received : 2010-06-02
Packet 3 Sent : 2010-06-30
Packet 4 Received : 2010-08-19
Interview Date : 2010-09-07
Get Visa : 2010-09-10

Total time = 290 days :D :D :D <:-p <:-p <:-p


Last edited by Mintira on Sun Sep 19, 2010 12:35 am, edited 4 times in total. 
Sat Sep 18, 2010 4:39 pmProfile

แจมน้อย
แจมน้อย

Joined: Mon Jan 26, 2009 4:57 pm
Posts: 82
Post K1-2010 แพท Sept22,10 รับ Sept29,10 @CA
K1-2010 แพท Sept22,10 รับ Sept29,10 @CA

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณพี่แนท บ้านอันอบอุ่นหลังนี้ และเพื่อนๆทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้กันมาตลอด วันนี้แพทไปสัมภาษณ์ เป็นครั้งที่สอง หลังจากได้วีซ่าครั้งแรกปีที่แล้ว เดินทางไปเมกาแต่ไม่ได้แต่งงาน แล้วทำเรื่องใหม่อีกครั้ง

แพทเอาประสบการณ์สัมภาษณ์ครั้งแรกมาฝากด้วยนะคะ เผื่อเพื่อนคนไหนอยากอ่านเป็นประสบการณ์ค่ะ ครั้งแรกแพททำวีซ่ารู้จักกับแฟนได้ไม่กี่เดือนค่ะ ตามนี้นะคะ viewtopic.php?p=467503#p467503
ส่วนการสัมภาษณ์ครั้งที่สองนี้ ขั้นตอนโดยทั่วไปก็เหมือนเพื่อนๆท่านอื่นเล่าไว้นะคะ เราไปเข้าแถวตามปกติ แถวจะยาวเท่าไหน เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะเดินมาตามให้เราเข้าไปก่อนค่ะ เพื่อไปยื่นเอกสารที่ช่อง 5 แล้วรอเรียกสัมภาษณ์ วันนี้มีสัมภาษณ์ประมาณ 6 คน คนแรก คนที่สองผ่าน คนที่สามไม่ผ่าน คนที่สี่คือแพทเองค่ะ

พอเข้าไปก็เซ็นต์ชื่อในฟอร์มก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็สาบานว่าจะพูดความจริง แล้วก็แสกนนิ้วมือ เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ

เริ่มต้นคำถาม เนื่องจากแพทเคยได้รับวีซ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง คำถามก็จะต่างจากเพื่อนคนอื่นๆนิดหน่อยค่ะ

คำถามคือ - เกิดอะไรขึ้น เราให้วีซ่าคุณไปแล้ว ทำไมคุณไม่แต่งงานแล้วกลับมาไทย แพทก็บอกเหตุผลไปเพราะแม่ประสบอุบัติเหตุ แม่อยู่คนเดียวเลยต้องกลับมาดูแลแม่ก่อน จนกว่าพี่ชายจะลาออกจากงานและย้ายมาอยู่กับแม่ได้ค่ะ
- กลับมาเมืองไทยวันที่เท่าไร
- ไปอยู่เมกามานานเท่าไร
- พอกลับมาแล้วติดต่อกับแฟนยังไง
- แล้วถ้าให้วีซ่าอีกครั้ง คราวนี้ให้แต่งงาน อย่ากลับมาก่อนอีกนะ เพราะว่าจะไม่ให้แล้ว แล้วก็ยิ้มค่ะ

ของแพทถามเท่านี้เองค่ะ ท่านใจดี ก็ถามว่าจะเดินทางวันไหน แพทก็บอกว่าต้นเดือนตุลา ท่านก็นัดให้มารับวีซ่าอาทิตย์หน้าค่ะ :-)

เอกสารที่ยื่นของแพทนะคะ
- จดหมายนัดสัมภาษณ์
- ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อตัวจริง
- ทะเบียนบ้านตัวจริง
- ใบรับรองโสดตัวจริง แพทไม่ได้ส่งไปกับแพคสามค่ะ
- เอกสารตรวจสุขภาพ

ส่วนเอกสารแฟน ส่งมากับแพคสามหมดแล้วค่ะ

เอกสารความสัมพันธ์ของแพทนะคะ
- รูปถ่าย 2 อัลบั้มเล็ก
- hi5 pages เพราะรู้จักกันทางhi5 ค่ะ
- chatt ทำเป็นเล่มเหมือนหนังสือเอาไป 7 เล่มค่ะ พอดีทำไว้ตั้งแต่วีซ่าครั้งแรกเลยเยอะหน่อย
- ปริ้น msn วิดิโอคอลที่แสดงว่าเห็นหน้ากัน ประมาณ 20 แผ่น
- skype record ไฮไลท์วันที่ และเวลาว่า คุยกันทุกวันวันละหลายชั่วโมง
- emails แยกปีตั้งแต่ 2008-2010
- ใบเสร็จรับเงินมันนี่แกรม
-ใบเสร็จส่งของต่างๆ
-การ์ดที่แฟนส่งมาให้ประมาณ 10 ใบ
-หน้าพาสปอร์ตที่ไปมาหากัน
ของแพทไม่มีบิลโทรศัพท์เลย เพราะใช้ skype ทุกวันค่ะ

[b]แพทนัดรับวีซ่าวันที่ 29 กันยายนนี้ และจะเดินทางวันที่ 3 ตุลาคมค่ะ ของคุณพี่แนทและทุกๆท่านอีกครั้งนะคะ แพททำวีซ่าสองครั้ง ทำเองทั้งสองครั้งก็อ่านและศึกษาจากบ้านเรานี่แหละค่ะ ขอบคุณมากอีกครั้งค่ะ :-)

Timeline ของแพทนะคะ

Sent I129-F ---- 18 feb 2010
Noa1 ----- 22 feb 2010
Noa2 ---- 20 May 2010
Packet3 ---- 8 June 2010 รอเอกสารแฟนนานเป็นเดือนกว่าจะส่งกลับค่ะ
sent back ---- 9 July 2010
got P.4 ---- 24 Aug 2010
interview ---- 22 Sept 2010 ผ่านค่ะ

รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 7 เดือนค่ะ ถ้าเพื่อนๆส่งเอกสารกลับเร็ว ไม่รอนานแบบแพท ก็น่าจะประมาณ 6 เดือน ขอให้เพื่อนๆที่รอได้วีซ่ากันไวไวทุกท่านนะคะ :-)


Last edited by แพท on Thu Sep 23, 2010 2:22 am, edited 8 times in total. 
Wed Sep 22, 2010 4:36 pm