Sunday, June 25, 2006

Immigrant-2006 Son & Daughter Green card ของผม


Immigrant-2006 Son & Daughter Green card ของผม Sun Jun 25, 2006 1:54 pm

มาแล้วคร้าบบบบ ขอโทษที่อาจจะมา post ช้าไปหลายวัน คือพอดีพึ่งเปลี่ยน Notebook ใหม่ keyboard มันก็เลยไม่มีภาษาไทย (พิมพ์ลำบาก) เมื่อวานนี้ไปซื้อ Sticker มาแปะ ตอนนี้ก็พิมพ์ได้พริ้วเหมือนเดิมแล้วครับ อะ มาเข้าเรื่อง

คุณแม่ผมเข้า USA ด้วย Green card เมื่อประมาณ 9 ปีก่อน จากนั้นเค้าก็ทำงานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนต่อมาเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน เค้าก็ไปสอบเป็น Citizen พอได้เป็น Citizen แล้วซักพักนึง เพื่อนๆคุณแม่เค้าก็แนะนำว่า "เออนี่ เป็น Citizen ทำไมไม่ทำเรื่องเอาลูกมาอยู่ที่นี่ด้วยกันล่ะ?" คุณแม่ก็เอาเลยครับ ไปจ้างทนายให้ทำเรื่องให้ (ซึ่งจริงๆเค้าว่ากันว่าไม่ต้องใช้ทนายก็ค่าเท่ากัน แต่คุณแม่ผมประเภทแบบเสียเงินไม่ว่า ชั้นจะเอาลูกชั้นมาให้ได้ กลัวไม่ชัวร์ อะไรประมาณเนี้ยครับ) ตอนนั้นที่ทำเรื่องไป Passport ของผมยังเป็นเล่มเก่าอยู่ (ใช้มาตั้งแต่เด็ก) ซึ่งตอนนั้นชื่อภาษาอังกฤษสะกด PHAHON ต่อมา Passport หมดอายุ 1-2 ปีผมก็ไปทำเล่มใหม่ ทีนี้ด้วยความเปรี้ยว PHAHON มันดูไม่ work เลยใช้ PAHOL (ซึ่งตอนนี้คิดๆดูน่าจะใช้ PAHON มากกว่า) Passport เล่มใหม่ของผมเลยเป็นชื่อ PAHOL

เวลาผ่านไปตั้งแต่เริ่มทำเรื่อง(ประมาณ 3-4 ปี) ก็มีจดหมายมาที่บ้าน ข้างในเป็น Form DS230-I ทนายส่งมาให้กรอกเสร็จแล้วให้ส่งกลับไปที่ USA ผมก็กรอกๆๆๆ ไป เสร็จแล้วก็ส่งคืน ต่อมาอีกประมาณ 5-6 เดือน จดหมายมาอีกแล้วครับ ทีนี้มาจากสถานฑูตอเมริกัน มีเอกสารมาปึกนึง เนื้อความประมาณว่า ให้ไปสัมภาษณ์ Green card ที่สถานฑูตวันที่ XX เดือน XX โดยเตรียมเอกสารดังนี้ไปด้วยในวันสัมภาษณ์

1. จดหมายฉบับนี้
2. Form DS230-II ที่กรอกเรียบร้อย
3. ใบเกิด
4. ใบรับรองจากตำรวจ
5. ใบตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล (กำหนดชื่อหมอกับโรงพยาบาลอีกต่างหาก)
6. Passport
7. รูปถ่ายสีขนาด 2x2 จำนวน 2 ใบ

** ตอนกรอกใน Form DS203-II ช่อง First name ใส่ไปว่า PAHOL ส่วนช่อง Other names used ใส่ว่า PHAHON ครับ เค้าจะได้รู้ว่าคนเดียวกัน

ใบรับรองจากตำรวจ
ไปที่กรมตำรวจ (ปัจจุบันคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) อยู่แถวสยามอะครับ หาไม่ยาก เอาพวกสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน passport ไปด้วย (ผู้ชายก็เอา สด.9 ไปด้วย) เข้าไปเลยครับอาคารเท่าไหร่จำไมได้ แต่ในจดหมายจะมีบอก ไปที่ชั้น 1 จะมีเจ้าหน้าที่คอยท่าอยู่แล้วครับ (ถ้าไปผิดตึก เค้าจะให้ขึ้นไปชั้น 10 กว่าๆ ซึ่งอันนั้นไม่ใช่ที่เราต้องการขอครับ) เจ้าหน้าที่จะให้ใบมากรอก กรอกเสร็จก็จะโดนจับพิมพ์ลายนิ้วมือ เสร็จแล้วก็ไปอีกห้องเพื่อ*ถ่ายรูป* ทีนี้ก็ไปรับใบนัด ว่าจะไปรับเอกสารได้เมื่อไหร่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ

* ขอบ่นตอนถ่ายรูปนิดนึง ตอนผมไปถ่ายรูปมีผู้หญิง 2 คน เป็นนักศึกษา (ผมก็นักศึกษา)
เจ้าหน้าที่ : เอ้านั่ง
เจ้าหน้าที่กดคอมเพื่อถ่ายรูป
เจ้าหน้าที่ : เอ้าเสร็จแล้วไปได้
ผม : ขอบคุณครับ

ทีนี้ตาผู้หญิง
เจ้าหน้าที่ : นั่งเลยจ้ะหนู
เจ้าหน้าที่ : จะเอาแบบธรรมดาหรือหน้ายิ้ม? ยิ้มดีกว่าเนอะรูปจะได้สวยๆ
เจ้าหน้าที่กดคอมถ่ายรูป
เจ้าหน้าที่ : เอ้ามาดูซิ ใช้ได้มั๊ย ไม่ชอบเดี๋ยวให้ถ่ายใหม่

ดูมัน.......... ทีเรานะ 1-2-3 ไปได้ เซ็งมาก

ใบตรวจร่างกาย
ในจดหมายระบุว่าให้ไปโรงพยาบาล XXXX ก็ไปตามนั้นเลยครับ ถ้าสามารถหาใบประวัติการฉีดวัคซีนได้ให้เอาไปด้วยนะครับ สำคัญ ไม่งั้นจะเจอจับฉีดยาอีก 2 เข็ม ไปถึงโรงพยาบาลบอกเค้าเลยครับว่ามาตรวจร่างกายเพื่อขอวีซ่า USA เค้ารู้กันอยู่แล้วครับ ทำตามเจ้าหน้าที่บอกง่ายๆ (แต่เจ็บตัว) สิ่งที่ต้องทำ
1. โดนเจาะเลือดไปตรวจ
2. X-ray
3. วัดสายตา
4. ฉีดวัคซีน (ถ้าไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนไป)
ค่าใช้จ่ายประมาณ 2xxx บาท ครับ

การแปลเอกสาร
แปลที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าเอาชัวร์ก็ไปแถวๆรถไฟฟ้าเพลินจิตอะครับ ร้านไหนก็ได้ลองดูๆ ราคาค่าแปลอย่าให้เกิน 300 บาท (บางร้าน 250) สอบถามราคาดูก่อนก็ได้ครับ

** บางร้านจะบอกว่าต้องเอาเอกสารไปปั๊มที่กระทรวงต่างประเทศ ขอย้ำว่า "ไม่ต้อง" เสียเงินเปล่าๆครับ แค่ให้ร้านแปลแล้วประทับตราร้าน.... จบ

วันสัมภาษณ์
ไปสถานฑูตตามเวลาที่กำหนด (ก่อนเวลาไม่ว่า แต่อย่า late) ไปถึงเดินดุ่ยๆเข้าไปเลยครับไม่ต้องสนใจใคร เข้าไปหน้าต่าง 5 ถ้ามีเจ้าหน้าที่อยู่ก็ยื่นเอกสารเลย แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ก็คอยที่หน้าต่างเดี๋ยวเค้าก็มาครับ เค้าจะเอาไปเท่าที่เค้าต้องการ อันไหนไม่ใช้จะคืนมาให้ เสร็จแล้วก็นั่งรอเรียกชื่อครับ (ระยะเวลาในการรอ 1-3 ชั่วโมง) เอาหนังสือไปอ่านเล่นก็ดีครับ จะได้ไม่เบื่อ แนะนำให้กินข้าวเช้าก่อนเข้าไปด้วย ไม่งั้นจะหิวมากกกกกกกกกกกกกก

พอเค้าเรียกชื่อเราก็ไปเลยครับ
ตอนผมสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ (ฝรั่ง) พยายามจะถามว่าแม่ผมไปอยู่ที่นู่นนานเท่าไหร่แล้ว แต่เจ๊เธอไม่สามารถสื่อสารให้รู้เรื่องได้ ผมเลยบอกเค้าไปว่า สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษก็ได้ครับ อาจจะง่ายกว่า ที่เค้าถามก็มี
เจ้าหน้าที่ : คุณแม่เป็น US citizen หรือคะ?
ผม : ใช่ครับ
เจ้าหน้าที่ : คุณแม่อยู่ที่นู่นนานเท่าไหร่คะ?
ผม : ประมาณ 9-10 ปี ครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วทำไมตั้งนานเค้าพึ่งจะทำเรื่องให้คุณตอนนี้ล่ะคะ
อ้าวเวร นานบ้าไรเจ๊ กว่าคุณแม่จะได้สอบ citizen กว่าจะเดินเรื่องเสร็จ กว่าจะได้สัมภาษณ์ ไม่ได้เร็วเหมือนต้มมาม่านะครับ
ผม : คือ.... แม่เค้าไม่ค่อยรู้กฏหมายครับ พอรู้ว่าสามารถขอ Green card ให้ได้ เค้าก็ทำเลย
เจ้าหน้าที่ : หรือคะ? แล้วแม่คุณแต่งงานใหม่รึเปล่าคะ?
ผม : แต่งครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วมีใบทะเบียนสมรสมั๊ยคะ?
ผม : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : แล้วใบหย่าระหว่างพ่อกับแม่ของคุณล่ะคะ?
ผม : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : OK.... ถ้างั้นคุณไปเอาเอกสาร 2 อย่างนี้มานะคะ
เจ้าหน้าที่เขียนอะไรขยุกขยิกแล้วก็ยื่นเอกสารมาให้ชุดนึง
เจ้าหน้าที่ : นำเอกสาร 2 อันนั้นมา พร้อมกับ passport แล้วก็เอกสารนี้นะคะ จะนำมาวันไหนก็ได้ค่ะ จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 13.00-15.00น.
ผม : แล้วต้องแปลมาด้วยมั๊ยครับ?
เจ้าหน้าที่ : แปลมาก็ดีค่ะ จะได้ง่ายสำหรับเรา
จ้าๆ แปลก็แปล

สรุปแล้วไปสัมภาษณ์วันแรกก็ต้องกลับบ้านก่อน กลับถึงบ้านผมก็โทรหาคุณแม่ที่ USA บอกว่าเค้าอยากดูใบหย่า กับ ทะเบียนสมรส วันรุ่งขึ้น คุณแม่ก็ไปส่งจดหมายครับ ใช้เวลา 4-5 วัน มาถึงเมืองไทย (แม่ไม่ใช้ fedX เพราะรู้จักแต่ post office -.-' )

ไปสถานฑูต รอบ 2
ไปหน้าสถานฑูต เอาเอกสารให้เค้าดูครับ เค้าจะให้บัตรคิวมา รับไปแล้วเข้าไปนั่งรอที่ห้องโถงข้างใน (รอนานเช่นเคย อย่าลืมเอาอะไรไปด้วยแก้เบื่อ) เค้าก็จะเรียกตามบัตรคิว เอาเอกสารไปยื่นแล้วก็นั่งรออีกตามเคย รอไปเรื่อยๆครับ ทำได้อย่างเดียว ทีนี้เค้าจะเรียกชื่อแล้วก็ให้ใบรับวีซ่ามา ในนั้นจะเขียน (ด้วยลายมือชุ่ยๆ) ว่าให้มารับวีซ่าวันที่ XX เวลา บ่าย 3 (รอบนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์แล้ว ดีจัง)

ไปสถานฑูตรอบ 3
ไปไม่ต้องเร็วครับ กะเวลาให้ไปถึงประมาณ บ่าย 3 พอดี หรือบ่าย 2 50 ก็ตามสะดวก แต่ขอเตือนว่ายิ่งไปเร็วยิ่งรอนานครับ (ไปแถวๆบ่าย 3 ดีที่สุด) นั่งรอแป๊บนึง จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกครับ บอกว่าคนไทยที่มารับวีซ่าถาวรให้ไปที่ห้องโถงเล็ก (ห้องที่เป็นที่ทำการของ US citizen) อยู่ทางซ้าย เข้าไปนั่งรอเลยครับ เจ้าหน้าที่จะมาพร้อมกับวีซ่าของพวกเรา *ระวัง* เจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะเฮี้ยบ นั่งฟังเฉยๆดีที่สุดครับ สาระคร่าวๆ

1. วีซ่าถาวรที่เราได้มามีอายุกำหนดไว้บนวีซ่า เราต้องเข้า USA ให้ได้ ก่อนวันที่วีซ่าจะหมดอายุ ไม่งั้นซวยครับ
2. วีซ่าถาวรของพวกเราพอเข้าไปใน USA ได้ปุ๊บ จะแปรสภาพเป็น Green card ชั่วคราวทันที มีอายุ 1 ปี หลังจากนั้น ภายใน 6 เดือน Green card ของจริงจะส่งมาให้เราที่บ้าน

เท่านี้หละครับ กลับบ้านได้ แล้วก็ซื้อตั๋วเครื่องบินได้เลย

*** เรื่องชื่อที่ไม่ตรงกันระหว่าง passport 2 เล่ม ให้เอาไปทั้ง 2 เล่มเลยครับ ไม่มีปัญหา เพราะว่าเค้าจะเอาตาม passport เล่มใหม่ เค้าไม่ถามด้วยว่าทำไมชื่อไม่เหมือนกัน ฉะนั้นหมดห่วง
ที่มา:- Pompoko